สหรัฐไม่ระบุจีนปั่นค่าเงิน แต่เผยรายชื่อประเทศที่ถูกจับตารวม 6 ชาตื ซึ่งหมายถึงว่า ทางการสหรัฐจะจับตานโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยประกอบด้วย จีน เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์
สตีเวน มนูชิน เผยการที่จีนขาดความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน โดยการที่เงินหยวนอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา มากกว่า 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนนั้น ทำให้สหรัฐมีความกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินหยวนถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการค้าที่เป็นธรรม
ขณะที่เฟดเผยรายงานการประชุมเดือนกันยายน ระบุเฟดมีความจำเป็นที่ยังคงต้องเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ก่อนที่จะมีการใช้นโยบายการเงินที่เป็นกลาง เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่อง
1. กระทรวงการคลังสหรัฐได้เปิดเผยรายงานนโยบายเศษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ (International Economic and Exchange Rate Policies) รอบครึ่งแรกปีนี้ ต่อสภาคองเกรสเมื่อวันพุธระบุว่า ในช่วงเวลา 4 ไตรมาสซึ่งสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2018 นั้น ไม่มีประเทศคู่ค้ารายใหญ่รายใดของสหรัฐที่มีการบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งรวมถึงจีนด้วย
แต่กระทรวงการคลังสหรัฐได้ระบุรายชื่อประเทศที่ถูกจับตารวม 6 ชาติ ซึ่งหมายถึงว่า ทางการสหรัฐจะจับตานโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยประกอบด้วย จีน เยอรมนี อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์
2. สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุในถลงการณ์ว่า แต่การที่จีนขาดความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน โดย การที่เงินหยวนอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา มากกว่า 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนนั้น
ทำให้สหรัฐมีความกังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินหยวนถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการค้าที่เป็นธรรม โดยที่การแข็งค่าของดอลลาร์ และการอ่อนค่าของเงินหยวนได้ส่งผลให้การค้าย่ำแย่ลง โดยที่สหรัฐยังคงต้องจับตาและติดตามทบทวนนโยบายค่าเงินของจีนต่อไป ซึ่งจะมีการร่วมปรึกษาหารือกับธนาคารกลางจีนต่อไป
3. ทางด้านธนาคารกลางจีนเปิดเผยถึงภาวะการปล่อยกู้ใหม่ของเงินหยวนในเดือนกันยายนอยู่ที่ระดับ 1.38 ล้านล้านหยวน หรือราว 200,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.28 ล้านล้านหยวนในเดือนสิงหาคม.
ทั้งนี้ การปล่อยกู้ใหม่ของเงินหยวนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 13.14 ล้านล้านหยวน เทียบกับทั้งปี 2017 ซึ่งอยู่ที่ 13.53 ล้านล้านหยวน โดยเป็นการปล่อยกู้ระยะกลางและระยะยาวให้กับภาคครัวเรือน ที่มีการนำไปซื้อบ้าน 3.83 ล้านล้านหยวน ขณะการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจนอกภาคการเงิน และหน่วยงานของรัฐ จำนวน 7.11 ล้านล้านหยวน
4. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 25-26 กันยายน ระบุว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดมีความจำเป็นที่ยังคงต้องเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ก่อนที่จะมีการใช้นโยบายการเงินที่เป็นกลาง ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการทำให้ภาวะตลาดแรงงาน รวมทั้งเงินเฟ้อที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายในระยะกลางของเฟดนั้น ให้มีความแข็งแกร่งต้อไป
5, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แจ้งรัฐมนตรีทุกกระทรวงคน ทำตามนโยบายปรับลดงบประมาณลงอีก 5% เพื่อแก้ไขปัญหาขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่ารัฐบาลใดๆ ในอดีตที่ผ่านมา
เนื่องจากมีการวางแผนที่จะปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาล หลังจากที่มีการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นถึง 17% ในปีงบประมาณ 2018 สู่ระดับ 779,000 นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี
