ตามรายงานที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศสหรัฐอเมริกา อาจจะอนุมัติใบอนุญาตให้กับบริษัทต่างๆ กลับมาทำธุรกิจร่วมกับหัวเว่ยในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ (ประมาณ 2-4 สัปดาห์)
การพัฒนาเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศในระหว่างแถลงข่าวในที่ประชุมสุดยอด G20 ว่า ทางบริษัทของประเทศสหรัฐอเมริกาจะสามารถทำธุรกิจกับทาง Huawei ได้ต่อไปตราบใดที่อุปกรณ์ไม่คุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
Huawei เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของโลกที่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในรายชื่อ “Entity List” โดยทางกระทรวงพาณิชย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาห้ามบริษัทที่อยู่ในประเทศสหรัฐฯ จัดหาสินค้าและบริการที่ทำโดยอเมริกันให้กับทาง Huawei เว้นแต่พวกที่ได้รับใบอนุญาตพิเศษเท่านั้นภายในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ แต่การตัดสินใจที่ทางทรัมป์ได้แบนหัวเว่ยกลับกลายเป็นว่าประเทศสหรัฐฯ กำลังโน้มตัวลงสู่กับล็อบบี้ของอุตสาหกรรมชิปเซตและแรงกดดันจากประเทศจีนนั้นเอง
ตามรายงาน Huawei ได้ซื้อส่วนประกอบภายปี 2018 ทั้งหมด 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และประมาณ 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นบริษัทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่รวมไปถึง Qualcomm, intel และ Micron Technology ด้วย แต่ถึงแม้ว่าปัจจุบันทางสหรัญฯ ยังจะมีการสั่งแบน Huawei อยู่ก็ตาม แต่ทางบริษัทในสหรัฐฯ สามารถขายสินค้าเพื่อรักษาเครือข่ายที่มีอยู่และให้การอัปเดตซอฟแวร์สำรหรับสมาร์ทโฟน Huawei ที่มีอยู่
นอกจากนี้ ทางโฆษกของ Huawei กล่าวว่า “ข้อจำกัดใน Entity List ควรถูกลบออกแทนที่จะใช้ใบอนุญาตชั่วคราวสำหรับผู้ขายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทาง Huawei ถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดในเรื่องการกระทำความผิดทางด้านกฎหมายและไม่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศ ดังนั้น ข้อจำกัดดังกล่าวจึงไม่สมควรได้รับ” ในขณะเดียวกกันทาง เจ้าหน้าที่ สหรัฐอเมริกาได้ออกมาชี้แจงว่านโยบายใหม่นี้จะได้รับอนุญาต แต่หัวเว่ยก็ยังคงอยู่ใยรายชื่อ Entity List แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าอุปกรณ์ไหนบ้างที่จะได้รับใบอนุญาต