โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สหรัฐจะแพ้สงครามการค้ากับจีน

Money2Know

เผยแพร่ 25 ก.ย 2561 เวลา 03.48 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
สหรัฐจะแพ้สงครามการค้ากับจีน

สหรัฐไม่อาจชนะสงครามการค้ากับจีน ไม่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำตามที่ประกาศไว้ตามแผนเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า และจะเพิ่มมากขึ้นไปอีกหากจีนตอบโต้สหรัฐ

แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ เชื่อว่าสหรัฐจะชนะสงครามครั้งนี้ เพราะคิดว่าสหรัฐถือไพ่เหนือกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งกว่าจีน และนักการเมืองทั้งสองพรรคในสหรัฐสนับสนุนการเปิดสงครามการค้า เพื่อสามารถทำให้สหรัฐเป็นจ้าวโลกต่อไปได้

มีกลยุทธ์โบราณที่ใช้กัน คือ จุดแข็งที่สุดของศัตรู ก็คือจุดอ่อนที่สุด ซึ่งด้วยกลยุทธ์นี้จีนก็สามารถชนะในสงครามการค้านี้ได้

ผลกระทบจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ต้องดูว่าเศรษฐกิจภายในของสหรัฐและจีนอยู่ในภาวะไหน กล่าวคือ อุปสงค์ภายในมากเกินหรือยังไม่เพียงพอ หากอุปสงค์ภายในหรือการบริโภคภายในประเทศมีน้อย กำแพงภาษีจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศและการจ้างงาน

แต่หากเศรษฐกิจใกล้กับจุดที่กำลังการผลิตในประเทศสูงสุด กำแพงภาษีจะทำให้เกิดการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ และจะกลายเป็นแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ขณะนี้ธุรกิจของสหรัฐจำนวนมากที่อยู่ในขีน ยังไม่อาจหาสินค้าราคาถูกกว่าจีนเพื่อทดแทนการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าจากมาตรการภาษีได้ แม้ว่าธุรกิจสหรัฐบาลส่วนที่ได้รับผลกระทบจะลดการนำเข้าจากจีน แต่ก็ต้องเพิ่มค่าจ้างและสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งจะไปกดดันเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

ยิ่งกว่านั้น ธุรกิจสหรัฐกำลังลังเล เหมือนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาวิจารณ์ธุรกิจสหรัฐว่าไม่ยอมย้ายฐานผลิตกลับมาสหรัฐ เพราะธุรกิจเหล่านี้ประเมินต้นทุนแล้วอาจไม่คุ้ม และไม่แน่ใจว่ามาตรการทางภาษีของสหรัฐจะยืดยาวแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่ต้องการลงทุนใหม่ หรือจ้างงานเพิ่มเพื่อแข่งขันกับจีน

ธุรกิจจีนดูเหมือนจะรู้จุดอ่อนตรงนี้ จึงไม่ตัดราคาส่งออกลงมา แต่ให้ผู้นำเข้าของสหรัฐรับภาระภาษีตรงนี้ไป ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผ่านไปยังผู้บริโภคชาวอเมริกัน หรือแรงกดดันต่อธุรกิจสหรัฐเองที่ต้องรับภาระบางส่วน ผลก็คือ กำไรธุรกิจลดลง

ดังนั้น สงครามการค้าในครั้งนี้ จะไม่กระทบจีนอย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์คาดหวัง แต่จะส่งผลต่อผู้บริโภคและธุรกิจสหรัฐ เหมือนกับการเพิ่มภาษีขายเข้าไปในสินค้าจากจีน

แต่ภาษีจะทำให้สินค้าจากจีน หายออกไปจากตลาดสหรัฐหรือแข่งขันสู้กับสินค้าจากประเทศอื่นหรือไม่?

สินค้าจากจีนที่ยังแข่งขันได้ก็ยังอยู่ในตลาดสหรัฐ โดยผู้ซื้อรับภาระไป แต่สินค้าที่แข่งไม่ได้ ก็จะมีการย้ายการสั่งซื้อไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น รองเท้าหรือของเล่น อาจจะส่งจากเวียดนามหรืออินเดีย สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็อาจจะมาจากเกาหลีใต้หรือเม็กซิโก หรือมีบางส่วนที่ญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะเข้ามาทดแทนสินค้าจากจีน

แต่การเลิกนำเข้าสินค้าจากจีน จะไม่ส่งผลกระทบต่อจีนมาก และไม่กระทบต่อเศรษฐกิจประเทศอื่นๆมาก รวมทั้งเศรษฐกิจโลก เพราะจะกระตุ้นให้เกิดการผลิตในที่อื่นๆเพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าจากจีน

ผู้ส่งออกจากจีน ก็เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เผชิญกับมาตรการทางภาษี แต่จะไม่มีผลต่อเศรษฐกิจภายในของจีน หากรัฐบาลจีนเพียงแต่กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น แม้ว่านโยบายของจีนปัจจุบันมีความระมัดระวังเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและปัญหาหนี้ในประเทศ

ขณะนี้มีคำถามมากขึ้นและตลาดกำลังดูว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะทำอย่างไร เมื่อสงครามการค้ากำลังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและธุรกิจของตัวเอง ในเมื่อกำแพงภาษีที่ตั้งขึ้นมานั้นส่วนอื่นของโลกไม่ได้สะทกสะท้านมากนัก

นักวิเคราะห์คาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ก็อาจจะหันไปสนใจความขัดแย้งกับคนอื่นๆก่อนหน้านั้น ทั้งเกาหลีเหนือ สหภาพยุโรป และเม็กซิโก ซึ่งอาจจะเห็นการโชว์ออกมาให้เห็นว่าเขากำลังเจรจาเพื่อผลประโยชน์สหรัฐ และดูเหมือนว่ากำลัง"ชนะ"กับการเปิดศึกรอบตัว เพื่อบอกผู้สนับสนุนตัวเองในการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะมาถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ประหนึ่งว่าเป็นนโยบายต่างประเทศที่ "ตระโกนเสียงดัง แต่พร้อมยกธงขาว" ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นกับสงครามการค้ากับจีนในครั้งนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0