สัมภาษณ์พิเศษ
ก้าวเข้าสู่ปีที่ 58 ของการดำเนินงานแล้วสำหรับ “สวนสามพราน” จากธุรกิจโรงแรม แหล่งท่องเที่ยววันนี้สวนสามพรานกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ที่ถ่ายทอดวิถีความเป็นไทย และพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง หรือ inspire learning cluster change
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “โอ-อรุษ นวราช” กรรมการผู้จัดการบริษัท สวนสามพราน จำกัด ผู้บริหารสวนสามพราน, โรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ ถึงแนวทางการบริหารเพื่อพาองค์กรก้าวเข้าสู่ปีที่ 58 รวมถึงแผนงานและทิศทางในอนาคตไว้ ดังนี้
“โอ-อรุษ” บอกว่า ตลอดเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมาสวนสามพรานมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด เพราะเชื่อในหลักการที่ว่าธุรกิจที่อยู่รอดได้นั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงตลอด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุดของ “สวนสามพราน”
ในช่วงที่ผ่านมา คือ การประกาศยุติ “การแสดงโชว์” ซึ่งเป็นศูนย์แสดงวัฒนธรรมไทยที่ให้บริการมายาวนานถึง 45 ปีไปเมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งพัฒนา “ปฐม ออร์แกนิก วิลเลจ” ขึ้นมาแทน เพื่อให้สอดรับกับแนวคิดเรื่องเกษตรอินทรีย์ซึ่งได้กลายมาเป็นจุดขายที่ชัดเจนแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จัดพอร์ต 3 แบรนด์หลัก
ปัจจุบันธุรกิจในกลุ่ม “สวนสามพราน” มีจำนวน 3 แบรนด์ ประกอบด้วย 1.สวนสามพราน ซึ่งเป็นแบรนด์หลัก มีพื้นที่รวมกว่า 100 ไร่ ประกอบด้วย โรงแรม, ห้องพัก และห้องอาหาร 2.ปฐม แบรนด์ที่มอบวิถีอินทรีย์ให้กับลูกค้า ซึ่งได้เริ่มต้นมาได้ราว 5 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย ปฐมออร์แกนิก วิลเลจ หมู่บ้านแปรรูปสินค้าอินทรีย์ตามวิถีชีวิตแบบไทย, ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์บนพื้นที่กว่า 10 ไร่, ปฐม ออร์แกนิก สปา ร้านนวดสปาสไตล์ไทย ๆ, ปฐม ช็อป ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสวนสามพราน, ผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ แบรนด์ปฐม และปฐม ออร์แกนิก คาเฟ่
ในส่วนของปฐม ออร์แกนิก คาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านกาแฟ เบเกอรี่ ขนมไทย และเครื่องดื่มนั้นปัจจุบันให้บริการอยู่ 3 สาขา ภายใต้ 3 แบรนด์ ได้แก่ ปฐม คาเฟ่ สาขาสวนสามพราน, ปฐม ออร์แกนิก ลิฟวิ่ง สาขาทองหล่อ และปฐม ออร์แกนิก บาร์ สาขาอาคารสินธร(ถนนวิทยุ)
และ 3.สามพรานโมเดล เป็นแบรนด์ที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องเกษตรอินทรีย์ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เริ่มต้นจากปลูกกินเอง ขยับไปทำงานร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม กระทั่งปัจจุบันได้นำ “สามพรานโมเดล” ไปต่อยอดและขยายไปภาคอื่น ๆ ของประเทศ กระทั่งปัจจุบันโมเดลดังกล่าวนี้ได้กลายเป็นโมเดลธุรกิจเกื้อกูลสังคมไปเรียบร้อยแล้ว
“รายได้-นักท่องเที่ยว” เพิ่ม
“อรุษ” บอกด้วยว่า หลังจากจัดพอร์ตธุรกิจใหม่ลงตัวแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มแบรนด์ “ปฐม” ที่พัฒนามาค่อนข้างครอบคลุมในหลาย ๆ โปรดักต์ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจโดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแม้จะไม่หวือหวานักแต่ก็อยู่ในระดับที่พึงพอใจ เช่นเดียวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปัจจุบันพบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีจิตสำนึกเริ่มมีบทบาทและมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์จากยุโรปและสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมและต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างการเปลี่ยนแปลง
“การปรับตัวมาในแนวทางของเกษตรอินทรีย์และออร์แกนิกจึงตอบโจทย์ทั้งด้านรายได้และนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วไปก็รับรู้ได้ว่ามาเที่ยวที่สวนสามพรานจะได้ทั้งสุขภาพ, สิ่งแวดล้อมและทำให้เขารู้สึกว่าการท่องเที่ยวแต่ละทริปนั้นมีความหมาย เพราะเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงแนวคิด เปลี่ยนแปลงสังคม”
ไม่เพียงเท่านี้ คอนเซ็ปต์ใหม่นี้ยังสามารถดึงกลุ่มคนไทยเข้ามาใช้บริการในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคอร์ปอเรต ทั้งอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน นักเรียน นักศึกษา ฯลฯ รวมถึงการทำงานร่วมกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีแนวคิดมุมมองเดียวกับทางสวนสามพรานด้วย
รุกต่อยอดแบรนด์ “ปฐม”
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีแผนต่อยอดแบรนด์ “ปฐม” ด้วยการพัฒนาโปรดักต์กลุ่มบอดี้แคร์เพิ่มขึ้น รวมถึงขยายฐานตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของบอดี้แคร์โปรดักต์นั้น ปัจจุบันจำเป็นต้องเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางร้านปฐม ช็อป ที่สวนสามพราน, ร้านปฐมออร์แกนิก ลิฟวิ่ง สาขาทองหล่อ และวางจำหน่ายในสยามดิสคัฟเวอรี่ ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายในญี่ปุ่นแล้ว ขณะนี้กำลังเจรจาเพื่อหาตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับส่วนของ “ปฐม คาเฟ่” นั้น ปัจจุบันได้ขยายสาขาที่กรุงเทพฯแล้ว หากได้รับการตอบรับที่ดีก็พร้อมเพิ่มสาขา โดยเฉพาะในส่วนของ “ปฐม ออร์แกนิกบาร์” เพราะเป็นโมเดลคีออสก์ขนาดเล็ก ขยายสาขาได้ง่าย รวมทั้งยังมีแผนเปิดตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน
“อรุษ” ยังบอกอีกว่า การขยายแบรนด์ของ “ปฐม” ออกมานอกสถานที่ของ “สวนสามพราน” นั้นเพื่อทำให้แบรนด์มีความชัดเจนว่าแบรนด์ของเราไม่ใช่แค่แบรนด์สินค้าออร์แกนิก แต่เป็นแบรนด์ช่วยขับเคลื่อนสังคม ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ทาง “สวนสามพราน” กำลังจะรุก คือ การขยับสู่ธุรกิจแคเทอริ่งด้วยการทำดีลิเวอรี่อาหารกล่อง หรือ “ออร์แกนิก บอกซ์” ซึ่งเป็นตลาดที่ยังไม่มีใครทำมากนัก ซึ่งรูปแบบการทำธุรกิจนั้นจะเน้นหาพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยทำการตลาด โดยทางสวนสามพรานจะเป็นเหมือนผู้ผลิตเป็นหลัก เนื่องจากมีแหล่งวัตถุดิบอยู่แล้ว
ผุดแพลตฟอร์มหนุนสังคมอินทรีย์
และเพื่อสร้างให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพอย่างแท้จริง ทางสวนสามพรานยังมีแผนเปิดดิจิทัลแพลตฟอร์ม ภายใต้ชื่อ Thai Organic Platform เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของกลุ่มเกษตรกรเกษตรอินทรีย์ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ในงานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคมนี้ที่สวนสามพราน จ.นครปฐม
เรียกว่า ในอนาคตดิจิทัลแพลตฟอร์มนี้จะช่วยต่อยอดและตอบโจทย์การใช้งานในทุก ๆ มิติของห่วงโซ่อาหารเกษตรอินทรีย์ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ และขับเคลื่อนสังคมอินทรีย์ที่อยู่บนพื้นฐานของการค้าที่เป็นธรรมด้วย
