จากกรณีการเสียชีวิตอย่างปริศนาของ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 25 ปี หรือ “ลัลลาเบล” พริตตี้สาวสวย ที่มี “น้ำอุ่น” พริ้ตตี้บอย อุ้มร่างลงไปนอนอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ชั้นล่างคอนโดย่านรัชดา-ราชพฤกษ์ ใกล้สถานีบีทีเอสตลาดพลู แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ หลังไปรับจ้างดูแลเครื่องดื่มในงานปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันนี้ ( 19 ก.ย.) ที่วัดสะแกงาม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน นางศุภมาส นรพันธ์พิพัฒน์ แม่ของ น.ส.ธิติมา และนายณัฐนัย หอมเทียนทอง อายุ 31 ปี แฟนของ น.ส.ธิติมา ยังอยู่ในอาการเศร้าโศก ที่วัดมีการสวดบำเพ็ญกุศลให้กับผู้ตายเป็นวันที่ 3 ตามปกติ โดยมีเพื่อนๆ และญาติเดินทางเข้ามาต่อเนื่อง แต่ไม่มีนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร อายุ 24 ปี หรืน้ำอุ่น พริตตี้บอย ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมาร่วมแสดงความไวอาลัยแต่อย่างใด
สำหรับวันนี้มีคนในวงการบันเทิง อย่างเอิร์ก เลเดอเรอร์ ศิลปินและนักธุรกิจเจ้าของค่ายเพลง Lederer Entertainment ซึ่งลันลาเบล ได้ร่วมแสดงในมิวสิควิดีโอเพลง "เสียงของความสำเร็จ"ซิงเกิลล่าสุด ก่อนจะเสียชีวิตปริศนา มาร่วมแสดงความอาลัยและให้กำลังใจครอบครัวได้
ขณะที่ นางศุภมาส เปิดเผยว่า อนาคตน้องกำลังมีชีวิตที่ดี มีแฟนที่ดีและมีครอบครัวที่น่ารัก แต่ทุกอย่างต้องพังลง เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้ไม่รู้จะวางแผนรับมือยังไง ทุกอย่างตื้อไปหมด ยอมรับว่าน้องเบลเป็นคนน่ารัก อยู่กับใครก็ได้ ขยันทำงาน เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว
ด้านนายณัฐนัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องน้องเบลเสียชีวิต คืนนี้สวดศพเป็นคืนที่ 3 ยังไม่เห็นครอบครัวของน้ำอุ่น พริตตี้บอย มาร่วมแสดงอาลัย ส่วนเรื่องคดีความตนได้พูดไปหมดแล้ว ไม่อยากพูดอีก รวมทั้งได้มอบหลักฐานซึ่งเป็นแชทลับในกลุ่มของน้ำอุ่นที่คุยกับเพื่อนๆในวันที่เกิดเหตุ ให้กับตำรวจหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันทางครอบครัวและเพื่อนๆของ ลัลลาเบล ได้ชี้แจงกรณี เพจดังได้มีการเผยภาพที่แคปมาจากเฟซบุ๊ก เพื่อนของ ลัลลาเบล พริตตี้สาว ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ โดยมีการเปิดรับบริจาค เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของลัลลาเบล และ น้องแบมแบม ลูกสาววัย 3 ขวบ เนื่องจากผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัว จนทำให้มีกระแสดรามาในสังคมออนไลน์ โดยมีคนมาแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นครอบครัวและเพื่อนๆไม่มีเจตนาจะเรี่ยไรเงินจากบุคคลภายนอก เพียงแค่ต้องการจะช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษา แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องดรามา เรื่องนี้ทำให้น้องพริตตี้บางคนที่แชร์ได้รับผลกระทบ โดนสังคมโจมตี ต้องปิดเฟซบุ๊คหนี เพราะทนกระแสสังคมไม่ไหว ส่วนที่โพสต์และแชร์เป็นสาธารณะ เนื่องจากมีเพื่อนหลายกลุ่มที่อยากจะต้องการช่วยเหลือ ที่ผ่านมาก็เคยมีหลายเคสที่ระดมเงินจากเพื่อนพี่น้องที่สนิทช่วยเหลือในลักษณะนี้เหมือนกัน
