โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สร้าง ‘ภูมิคุ้มกัน’ ให้พอร์ตหุ้น...ด้วยการ ‘กระจายการลงทุน’!!!

Wealthy Thai

อัพเดต 03 เม.ย. 2563 เวลา 06.12 น. • เผยแพร่ 03 เม.ย. 2563 เวลา 06.12 น. • wealthythai
สร้าง ‘ภูมิคุ้มกัน’ ให้พอร์ตหุ้น...ด้วยการ ‘กระจายการลงทุน’!!!

ประเดิมต้นปี2020 มา ตั้งท่าว่าจะเป็นปี ‘หนูทอง’ สำหรับ “หุ้นไทย” แต่อยู่ๆ ไปกลายเป็น ‘หนูลุยไฟ’ ไปเรียบร้อยแล้ว
จากดัชนีต้นปีที่ 1,595.82 จุด ก็ไหลรูดลงมาหลุด 1,500 จุด ไปเรียบร้อยแล้ว อาการดูสาหัสกว่าชาวบ้านเขาเพราะตั้งแต่ต้นปีมาติดลบไปแล้ว -5.36%
สำหรับ ‘คนชอบเสี่ยง’ ที่ชื่นชอบการลงทุนในหุ้น นี่อาจเป็นโอกาสดีในการเปลี่ยน ‘วิกฤติ’ ให้เป็น ‘โอกาส’ หันมาทบทวนถึงการกระจายการลงทุนไปใน ‘หุ้นต่างประเทศ’ หรือ ‘สินทรัพย์ทางเลือก’ อื่นๆ เพิ่มเติม
เพราะมองออกไปในตลาดโลก ก็ไม่ใช่ว่าทุกตลาดหรือทุกสินทรัพย์จะ ‘แย่’ ไปเสียทั้งหมด และที่ว่าแย่ก็ยังดีกว่าไทยก็มีอีกมาก ไยต้องจำกัดโอกาสของตัวเองไว้เพียงในประเทศไทยเท่านั้นเล่า
วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthythai’ มีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย

 

 

ใช้ “กองทุนดัชนี”…เป็น ‘Core Port’ ไม่พลาดโอกาสในตลาดหุ้นไทย

สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบ ‘ความเสี่ยง’ นิยมชมชอบการลงทุนใน ‘หุ้น’ นั้น คุณก็ยังสามารถบริหารความเสี่ยงของ ‘พอร์ตหุ้น’ ให้กับตัวเองได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะปัจจุบันการจะติดปีกเงินบาทไปลงทุนต่างประเทศนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน “กองทุนรวมที่ไปลงทุนต่างประเทศ (FIF)” นั่นเอง
ในขณะที่ ‘หุ้นไทย’ กำลังดำดิ่งทิ้งตัว เล่นเอา ‘กองเชียร์’ เชียร์ไม่ขึ้น ‘กองแช่ง’ ก็ยังขอแช่งให้ลงกันต่อไป ยกสัญญาณทางเทคนิคหากหลุด 1,400 จุด ได้เห็น 1,200 จุดแน่ ไว้ไปรอเก็บตอนนั้นยังไม่สาย!!!

 

 

 แต่ข้อเท็จจริง คือ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ไม่งั้นคงรวยกันทุกคน กำไรกันหมดแล้ว เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ติดหุ้น ใครรับมาตลอดก็คงหมดกระสุนไปนานแล้ว ตอนนี้คงได้แต่รอตลาดดีดกลับเท่านั้นเอง ซึ่งกลยุทธ์นี้ใช่จะไร้เหตุผลซะทีเดียว หากหุ้นที่คุณถืออยู่เป็นหุ้นที่มีอิทธิพลกับตลาด เวลาตลาดดีดกลับก็มีโอกาสหลุดได้เร็วเช่นกัน แต่ถ้าเลือกผิดก็อีกเรื่องนะ นี่คือความยากของ ‘หุ้นรายตัว’ ภาวะตลาดเขียว แต่พอร์ตแดง ตลาดแดง พอร์ตเราก็แดงด้วย จึงมีให้พบในหมู่นักลงทุนทั่วไปเป็นปกติ ทางออกที่ง่ายกว่าที่แนะนำกัน คือ ลงทุนไปกับ ‘กองทุนดัชนี’ เอาผลตอบแทนเท่ากับตลาดไว้เป็น Core Port เวลาตลาดลงๆ ด้วย เวลาตลาดขึ้นๆ ด้วย ไม่พลาดโอกาสในการลงทุนในหุ้นแน่นอน ส่วน ‘หุ้นรายตัว’ ก็เป็นตัวเสริมไป”
นั่นเป็นที่มาว่า…ในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นหลังจากปรับตัวลงมาแรงๆ นั้น กลุ่ม ‘กองทุนดัชนี’ เช่น กองดัชนีSET50 หรือกองทุนดัชนีSET มักจะ ‘ชนะ’ กองทุนที่เป็น ‘Active Fund’ ก็เพราะเคลื่อนไหวไปกับตลาด ลงทุนเต็มที่ตลอดเวลา ไม่ได้จับจังหวะตลาด เวลาตลาดผลิกกลับ…ก็กลับไปพร้อมตลาดในภาพรวมได้ทันที
“สำหรับนักลงทุนที่กำลังท้อใจกับไปกับภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงปีนี้ ก็อยากให้ย้อนดูสถิติว่า…ตลาดหุ้นเองก็มีขึ้น มีลงเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้จะแย่ต่อเนื่องไปทุกปีแต่ประการใด หากขยับออกมาห่างจากตลาดสักนิด อาจทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญการลงทุน ‘ระยะยาว’ ในหุ้นก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดโดยเปรียบเทียบอยู่นั่นเอง”

 

 

หุ้นต่างประเทศ”…แต่ละตลาดมีความ ‘น่าสนใจ’ แตกต่างกัน

ที่สำคัญ ควรกระจายการลงทุนใน ‘สินทรัพย์เสี่ยง’ ของพอร์ตคุณไปในต่างประเทศด้วยบางส่วน เป็นการ ‘สร้างสมดุล’ และ ‘สร้างภูมิคุ้มกัน’ ให้กับพอร์ตของคุณเอง ตามหลักการไม่ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกันนั่นเอง
ลองมองออกไปในตลาดหุ้นต่างประเทศตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ 21 ก.พ. 20) ในขณะที่ตลาดหุ้นไทย -5.36% นั้น หลายตลาดยังคงให้ผลตอบแทนเป็น ‘บวก’ ได้ เช่น หุ้นสหรัฐ, หุ้นญี่ปุ่น หรือหุ้นยุโรป รวมถึง ‘ทองคำ’
และก็มีอีกหลายตลาดที่ ‘แย่น้อยกว่า’ ไทย เช่น หุ้นจีน หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์/REIT เป็นต้น

 

 

สิ่งที่นักลงทุนพึงระวัง คือ การมองหา ‘หุ้น’ ที่จะชนะตลาดแล้วทุ่มเงินทั้งหมดไปที่นั่นเพียงที่เดียว เพราะนี่คือ อีกหนึ่ง ‘ความผิดพลาด’ ของนักลงทุนทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนไทย จากข้อมูลของ “Morningstar” เปิดเผยว่า ในช่วงที่ประกาศผลตอบแทนของกองทุนแต่ละประเภทในแต่ละปีนั้น เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีตรงนั้นแต่ประการใด เพราะข้อมูล ‘เงินทุนเคลื่อนย้าย’ จะตรงข้ามกับ ‘ผลตอบแทน’ เป็นส่วนใหญ่
“นั่นหมายความว่า…นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีดังกล่าวนั้น เมื่อกองทุนประเภทไหนผลตอบแทนดี ปีถัดไปเงินก็จะไหลเข้ากองทุนประเภทนั้น จะสวนทางกันเช่นนี้ตลอด ดังนั้นสิ่งที่ทาง ‘Morningstar’ แนะนำ คือ การกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างเหมาะสม เพราะไม่มีตลาดไหนที่จะดีติดต่อกันไป หรือแย่ติดต่อกันไปตลอดเวลา นั่นจะทำให้สุขภาพของพอร์ตนักลงทุนดีขึ้นด้วย”
สำหรับ ‘หุ้น’ จัดอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยง หากกระจายไปอย่างง่ายๆ พอร์ตหุ้น 100% ก็แบ่งเป็น ‘หุ้นไทย’ 50% และ ‘หุ้นต่างประเทศ’ 50%
ในหุ้นต่างประเทศก็แบ่งไปเป็น ‘หุ้นตลาดพัฒนาแล้ว’ 25% และ ‘หุ้นตลาดเกิดใหม่’ 25% ก็ได้ เพราะบุคลิกของ 2 ตลาดนี้ก็แตกต่างกัน มี ‘เสน่ห์คนละแบบ’ ในขณะที่หุ้นตลาดพัฒนาแล้ว ผลตอบแทนอาจจะไม่มากเท่าตลาดเกิดใหม่ แต่ก็มี ‘เสถียรภาพ’ ด้านราคามากกว่า ในขณะที่หุ้นตลาดเกิดใหม่ก็มีโอกาสในการทำกำไรที่สูงกว่าแต่ก็มาพร้อมกับความผันผวนที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน
“นอกจากนี้ยังควรแบ่งเงินสัก 10-15% กระจายไปลงทุนใน ‘สินทรัพย์ทางเลือก’ เพิ่มเติมด้วย เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เป็นต้น”
“ตลาดหุ้นไทย” เล็กมากเมื่อเทียบกับ ‘ตลาดหุ้นทั่วโลก’ เวลานักลงทุนต่างชาติมองเข้ามาในเอเชียเราก็เป็นส่วนเล็กๆ เท่านั้น แล้วทำไมต้อง ‘จำกัด’ ตัวเองไว้แค่หุ้นในประเทศเล่า เมื่อโอกาสการลงทุนเปิดกว้างแล้วสำหรับคุณในทุกวันนี้ การลงทุน ‘หุ้นต่างประเทศ’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ใกล้เหมือนลงทุนหุ้นไทยเลย ไยไม่เปลี่ยน ‘วิกฤติ’ เป็น ‘โอกาส’ ด้วยตัว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0