โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สรุป 8 สิ่งในงาน Wongnai Connect’18 จากแอพรีวิวร้านอาหาร สู่แพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์

Brand Inside

อัพเดต 19 ก.ค. 2561 เวลา 13.14 น. • เผยแพร่ 19 ก.ค. 2561 เวลา 10.38 น. • Ratirita
wongnai18_b
wongnai18_b

สรุป8 เรื่องราวน่าสนใจจากงานWongnai Connect’18 งานใหญ่ประจำปีของWongnai แอพพลิเคชั่นรีวิวร้านอาหาร ได้ทรานส์ฟอร์มสู่แพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์ของคนไทยครอบคลุมทั้งเรื่องอาหารการกิน ท่องเที่ยว ความงาม ไฮไลท์คือการรุกตลาดPOS สร้างระบบจัดการร้านอาหาร สร้างEcosystem ร้านอาหารให้ครบวงจร

*Disclaimer: Brand Inside อยู่ในเครือของ Wongnai*

Wongnai 8 ปี มีไฮไลท์8 เรื่อง

จากPassion ที่ชื่นชอบเรื่องอาหารการกินของ“ยอด ชินสุภัคกุล CEO และผู้ก่อตั้งWongnai กลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่รวบรวมรีวิวร้านอาหารทั่วฟ้าเมืองไทย พร้อมกับได้เห็น Wongnai คลอดเวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 2010 ถือว่าเป็นแอพรีวิวร้านอาหารสัญชาติไทยรายแรกและเป็นที่นิยมมากที่สุดในไทยจนถึงทุกวันนี้

จนถึงวันนี้Wongnai ได้เดินทางเข้าสู่ปีที่8 แล้ว ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคตามยุคสมัยอยู่เสมอ พร้อมกับการติดสปีดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการไม่หยุดนิ่งแค่เรื่อง“อาหาร” แต่ต่อยอดไปถึงเรื่อง“ความงาม” ด้วยWongnai Beauty ล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์Travel สร้างอาณาจักรแพลตฟอร์มไลฟ์สไตล์

เมื่อวันที่19 กรกฎาคมWongnai ได้จัดงานWongnai Connect 2018 เป็นงานใหญ่ประจำปีที่จะประกาศถึงความสำเร็จในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งก้าวต่อไปในอนาคต โดยมี8 ไฮไลท์สำคัญในงาน เพื่อให้Wongnai คงความเป็นแพลตฟอร์มที่Connect People to Good Stuff ไม่ใช่แค่สำหรับดูรีวิวร้านอาหารเจ๋งๆ แต่ต้องเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

  • รุกทำโปรดักส์สำหรับผู้ประกอบการWongnai POS by FoodStory

ทำแพลตฟอร์มสำหรับฝั่งผู้ใช้ในการเสพคอนเทนต์ เสพรีวิวมากตลอด จนถึงปีนี้Wongnai ได้ฤกษ์ที่จะทำการผุดบริการสำหรับฝั่งร้านค้า ผู้ประกอบการกับเขาบ้าง จึงได้ออกบริการWongnai POS by FoodStory

งานนี้Wongnai ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์FoodStory ด้วยการเข้าไปลงทุนมูลค่า1 ล้านเหรียญ หรือกว่า35 ล้านบาท

Wongnai POS by FoodStory เป็นระบบจัดการร้านอาหาร ซึ่งจะกลายเป็นStrategic Product ที่สำคัญในอนาคต จะเข้ามาสร้างEcosystem ของร้านอาหารให้ครบวงจร ครอบคลุมทั้งการรับออเดอร์ จัดการเงินสด จัดการโต๊ะอาหาร จัดการสต็อก ลดความผิดพลาด ทำให้เจ้าของร้านสะดวกขึ้น พนักงานแฮปปี้ขึ้น                     

ภารกิจสำคัญของWongnai POS by FoodStory ไม่ได้เป็นแค่เครื่องคิดเงินอย่างที่เคยเห็นทั่วไป แต่คือการ“เชื่อมต่อ” ระหว่างร้านค้า กับผู้บริโภคให้เข้าถึงกันง่ายขึ้นด้วยฐานข้อมูลของWongnai รวมถึงเชื่อมต่อบริการDelivery ที่มีLINE MAN พร้อมสแตนด์บายในการรับออเดอร์ และเชื่อมต่อสังคมไร้เงินสด สามารถชำระเงินผ่านQR Code ของSCB ได้ 

ที่สำคัญมากๆ ก็คือWongnai POS by FoodStory เปิดให้ใช้บริการ“ฟรี!” เริ่มเปิดให้บริการเดือนสิงหาคมนี้ ตอนนี้มีร้านอาหาร และห้างที่กำลังจะเปิดตัวใหม่อย่างWhizdom 101 ที่True Digital Park ได้ใช้บริการนี้แล้ว

ความน่าสนใจก็คือบริการนี้จะเป็นแหล่งสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมารายได้ส่วนใหญ่ของWongnai มาจากโฆษณาทั้งสิ้นเป็นโมเดลรายได้ใหม่ๆที่เข้ามาเติมบริษัทให้มีความหลากหลาย

2. รู้จักFoodStory เพื่อนซี้คนใหม่ แม้แต่ BNK48 Cafe ก็ยังใช้!

FoodStory เป็นสตาร์ทอัพที่ทำระบบจัดการร้านอาหารตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เป็นผู้คว้ารางวัลสุดยอดSME แห่งปี จากรายการ SME ตีแตกTHE FINAL 2016

โดยที่ได้ทำตลาดมามากกว่า 5 ปี เป็นระบบการจัดการด้วยPOS (Point of Sale) แบ่งเป็นสำหรับเจ้าของร้านด้วยFoodStory Owner รองรับการทำงานบนiPad สามารถจัดการเรื่องการเงิน สต็อก อาหารได้และFoodStory Customer สำหรับลูกค้าทั่วไป สามารถอ่านรีวิวร้านอาหารได้

ข้อมูลทั้งหมดจะมีความปลอดภัยเพราะจัดเก็บอยู่บนCloud เข้าถึงข้อมูลได้ตลอดทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านก็สามารถดูข้อมูลได้

FoodStory มีมากกว่า500 การใช้งาน ครอบคลุมการใช้งานได้ตั้งแต่ร้านกาแฟขนาดเล็ก ร้านอาหารทั่วไป จนถึงร้านบุฟเฟ่ต์หลายสาขา ซึ่งBNK48 Cafe ที่เดอะมอลล์บางกะปิก็เลือกใช้ระบบนี้ หรือแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างS&P, Central Food Hall ก็ใช้งานเช่นกัน

ต้องยอมรับว่าทั้งWongnai และFoodStory เป็นเพื่อนซี้คู่ใหม่ที่มีคาแร็คเตอร์เหมือนกันจริงๆ การผนึกกำลังกันครั้งนี้ย่อมสร้างโอกาสมหาศาลในอนาคตได้มากขึ้น 

3. เปิดฟีเจอร์Travel ต้องหาที่กิน ที่เที่ยวในที่เดียวได้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาWongnai ได้เป็นที่พึ่งพาเวลาไปสถานที่ท่องเที่ยว หลายคนก็ทำการค้นหาร้านอาหารดังๆ ในแต่ละท้องถิ่นอยู่ตลอด ไอเดียที่ตามมาก็คือต้องการให้ผู้บริโภคค้นหาทั้งที่กิน ที่เที่ยว ที่พักในWongnai ได้ครบทั้งทริป

จึงเป็นที่มาของการเปิดฟีเจอร์Travel เพิ่มหมวดที่พัก ที่เที่ยว โดยที่ระบบจะคล้ายๆ กับร้านอาหาร ดูข้อมูลสถานที่ ดูรูป ให้คะแนน อ่านรีวิว พร้อมกับสามารถจองที่พักได้ด้วยผ่านการเทียบราคาของAgoda และbooking.com แต่แอบกระซิบว่าถ้าจองผ่านAgoda จะได้รับส่วนลดอีก8%

แต่ฟีเจอร์Travel นี้ไม่ได้เหมือนกับร้านอาหารตรงนี้การสร้าง“แรงบันดาลใจ” ให้ผู้อ่านมากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวต้องอาศัยในเรื่องของประสบการณ์เข้ามาด้วย มีการเพิ่มหมวดTrips ที่ให้ผู้บริโภคได้เข้ามาเล่าเรื่องราวเหมือนเป็นบล็อก เป็นการกระตุ้นให้เข้ามาแชร์ประสบการณ์มากขึ้น

จากจุดเริ่มต้นของWongnai ที่เป็นร้านอาหาร จนถึงตอนนี้สามารถวางแผนทริปทั้งทริปได้แล้ว ตั้งแต่ดูว่าจะพักโรงแรมไหนดี หาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เลือกร้านอาหารอร่อยๆ หรือแม้กระทั่งสถานที่ผ่อนคลายอย่างร้านนวด สปา ซาลอนต่างๆ คือ ทุกอย่างจบในแอพเดียวได้เลย

4. ผนึก Blognone / Brand Inside เสริมขาคอนเทนต์ IT-ธุรกิจ

ถือเป็นดีลใหญ่แห่งวงการสื่ออีกดีลหนึ่ง หลังจากที่Wongnai ได้Blognone กับBrand Inside เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน2017 ซึ่งBlognone เป็นเว็บไซต์ไอทีอันดับต้นๆ ของประเทศ ส่วนBrand Inside เป็นเว็บไซต์ทางด้านธุรกิจ การตลาดน้องใหม่ ที่เพิ่งมีอายุเพียงแค่2 ปีเท่านั้น

การที่Wongnai เลือก2 เว็บไซต์นี้เข้ามาก็เพื่อต้องการต่อยอดคอนเทนต์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคของเว็บไซต์ออนไลน์ ยิ่งช่วยเสริมทัพให้อาณาจักรของWongnai กว้างขึ้น

หลังจากที่ทั้ง2 เว็บได้เข้ามาร่วมนั้นก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการรับรู้ และทราฟิกผู้เข้าชม โดยที่Blognone มีการเติบโต38% ส่วนBrand Inside เติบโตถึง111%

และในเดือนหน้าทางBlognone เตรียมมีอีเวนต์ใหญ่Blognone Tomorrow เป็นTech Conference ครั้งแรก ภายในงานได้เชิญวิทยากรจากTech Company ระดับโลกมาบรรยาย จัดในวันที่8 สิงหาคม2018 นี้

5. ขยายEvent อีก10 แห่ง สร้างความแข็งแกร่งบนโลกออฟไลน์

ถ้าWongnai แข็งแกร่งบนโลกออนไลน์แล้ว ทั้งแอพพลิเคชั่น และโซเชียลมีเดีย ฉะนั้นก็ปฏิเสธโลกออฟไลน์ที่เป็นคู่ขนานกันไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการเริ่มทำงานอีเวนต์ มีจุดเริ่มต้นคือเมื่อกลางปี 2017 ที่ผ่านมา เริ่มจากไอเดียที่ว่า ในเมื่อมีข้อมูลร้านอาหารดี ๆ อยู่ในระบบถึงกว่า 250,000 ร้านทั่วประเทศ ทำไมไม่ลองเอาข้อมูลเหล่านี้มาต่อยอด

เกิดเป็นงาน Wongnai Food Festival ขึ้นมา รวบรวมร้านอาหารดังๆ ร้านยอดฮิตของผู้บริโภคมารวมไว้ที่เดียว จัดไปแล้วทั้งหมด 5 งาน ใน4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ โคราช ชลบุรี กทม.โดยแต่ละงานก็มีความแตกต่างกันไป มีร้านที่มาออกงาน 40-100 ร้าน

เหตุผลที่ไป4 จังหวัดนี้ก่อน เพราะเริ่มต้นจากการตระเวนไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ ที่มีออฟฟิศของ Wongnai อยู่ ตลอด 5 งานที่ผ่านมามีคนร่วมงานกว่า 250,000 คน

แผนในอนาคตตั้งแต่ปลายปี 2018 เป็นต้นไปWongnai จะเดินทางไปจัดงาน Food Event กว่า10 จังหวัด เหนือจรดใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงช่วงกลางปี 2019 

6. เข้าสู่ยุคWongnai X ปรับโฉมเอาใจผู้ใช้

แอพพลิเคชั่น Wongnai ได้ออกเวอร์ชั่นแรกเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆโดยตลอดและได้เอาดาต้าของผู้ใช้มาปรับใช้ว่ามีการใช้งานส่วนไหนมากที่สุดชอบฟีเจอร์ไหนมากที่สุดคอนเทนต์ก็ไม่ได้มีแค่ร้านอาหารแต่ยังมีเรื่องสูตรอาหาร ความงาม ท่องเที่ยวเข้ามาเติมให้แน่นขึ้น

จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาWongnai ได้ทำการRedesign แอพครั้งใหญ่ในรอบ7 ปี ใช้ชื่อเวอร์ชั่นใหม่นี้ว่า Wongnai X มาจากUser eXperience (ไม่เกี่ยวกับiPhone X แต่อย่างใด) ต้องการสื่อให้เห็นถึงการออกแบบใหม่ได้คำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคเป็นหลัก

ดีไซน์ใหม่นี้จะทำให้การค้นหาร้านอาหารง่ายขึ้น มีหมวดโปรโมชั่นเด็ดๆ ที่เห็นได้ชัดเจน และมีหมวดTravel ที่เพิ่มเข้ามา จะหาที่กิน หรือที่เที่ยวก็จบได้ที่แอพWongnai

7. ใช้AI ในการพัฒนาระบบ

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่าคำว่า AI, Machine Learning, Deep Learning เป็นคำยอดฮิตที่ถูกพูดถึงทั่วโลก ในไทยเองก็เริ่มเห็นการตื่นตัวมากขึ้น บริษัท Tech ต่างๆให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการนำมาใช้พัฒนาสินค้าและบริการของตัวเอง

Wongnai เองก็ได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับการพัฒนาระบบในหลายๆ ส่วน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ AI เพื่อคัดแยกรูปภาพที่มีอยู่จำนวนหลายล้านรูปออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ทำให้ง่ายต่อการเปิดดูภาพประเภทต่างๆ ของร้านที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพอาหาร, รูปสมุดเมนู, รูปบรรยากาศในร้าน 

หรือจะเป็นการใช้ AI แนะนำร้านที่น่าสนใจเพิ่มเติมในขณะที่กำลังดูข้อมูลร้านๆหนึ่งอยู่เพื่อให้ผู้ใช้ค้นพบร้านอื่นๆที่คนอื่นที่มีความสนใจคล้ายๆเราแนะนำ

รวมไปถึงการใช้ AI ช่วยในการเลือกรูปอาหารที่สวยขึ้นมาแสดงเป็นภาพหลักของร้าน เพราะรูปคือสิ่งที่ทำให้เกิดความสนใจของผู้ใช้ ดังนั้นการเลือกรูปอาหารที่น่าทานของแต่ละร้านก็จะเป็นประโยชน์ทั้งกับผู้ใช้และเจ้าของกิจการนั่นเอง 

8. รายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด

ปัจจุบันWongnai เข้าสู่ปีที่8 แล้วมีสถิติหลายอย่างที่น่าสนใจ มีผู้เข้าชม120 ล้านครั้งต่อเดือน มีรูปและรีวิวมากกว่า 10 ล้านชิ้น มีผู้ใช้เพิ่มแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้น38% ต่อเดือน มีผู้ใช้แอคทีฟ8 ล้านคนต่อเดือน

ตอนนี้Wongnai มีสำนักงานใน9 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต หาดใหญ่ โคราช ขอนแก่น หัวหิน และอยุธยา มีพนักงานทั้งหมด240 คน โดยที่50 คนเป็นพนักงานจากต่างจังหวัด

รายได้ในปีที่ผ่านมาถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง72% มีรายได้หลักจากอาหารในสัดส่วน58% รองลงมาคือBeauty 18% Delivery ที่ทำร่วมกับLINE MAN 7% Cooking 7% และอื่นๆ10%

ทำให้ตอนนี้Wongnai ไม่ใช่แพลตฟอร์มสำหรับคนที่นึกถึงร้านอาหารอย่างเดียวแล้วเท่านั้น แต่เป็นการขยับเข้าใกล้ชีวิตประจำวันผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมในทุกๆ ไลฟ์สไตล์ เชื่อว่าในอนาคตยังต้องมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้เห็นอีก จะเป็นการทำให้Wongnai เชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ครบวงจรมากขึ้นอีกแน่นอน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0