โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สรุปเหตุการณ์ ดราม่า "น้องชมพู่" หลังโซเชียลสงสัยคนในครอบครัว

NATIONTV

อัพเดต 10 ก.ค. 2563 เวลา 04.10 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. 2563 เวลา 03.32 น. • Nation TV
สรุปเหตุการณ์ ดราม่า น้องชมพู่ หลังโซเชียลสงสัยคนในครอบครัว
สรุปเหตุการณ์ ดราม่า น้องชมพู่ หลังโซเชียลสงสัยคนในครอบครัว

หลังการหายตัวของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี ได้หายไปจากบ้านพักหมู่ที่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 รวม 4 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนร่วมกันปูพรมค้นหาอย่างเต็มที่ก่อนพบเบาะแส จนพบศพดังกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยังอยู่ในกระแสต่อเนื่องไม่หยุด สำหรับเด็กเสียชีวิตปริศนา 2 ราย ที่ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ คดีแรก เป็นข่าวโด่งดังเมื่อเดือน พฤษภาคม "น้องชมพู่" เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หายตัวปริศนาจากบ้านตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนจะพบเปลือยกายเสียชีวิตบริเวณป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร และได้มีการชันสูตรพลิกศพ 3 รอบ แต่ก็ไม่มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีผู้ใด

จู่ๆ ลุงพล ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าน้องชมพู่ เครียดจัดถึงขั้นโกนผมและคิ้วตามความเชื่อ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ฆ่าหลาน พร้อมตั้งข้อสงสัยทำไมพ่อแม่ไม่ล้างหน้าศพซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นหน้าลูกตัวเอง ทำให้กระแสตีกลับไปหาแม่น้องชมพู่ทันที ลุงพลยังท้าแม่น้องชมพู่เผชิญหน้าออกสื่อพร้อมกัน ลั่นถ้าสงสัยตัดพี่ตัดน้องไปเลย ไม่ต้องมาคบหา

วันที่ 8 ก.ค.63 แม่น้องชมพู่ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ได้เผยว่าเหตุที่สงสัยลุงพล เพราะลุงดูรักลูกเรามากเกินไป ลุงพลชอบพูดว่า รักชมพู่มาก ถ้าเกิดพ่อแม่ไม่เลี้ยง ก็จะเลี้ยงเอาไว้เอง ไม่ได้พูดครั้งเดียว พูดอยู่ตลอด เราสงสัยลุงพลมาตั้งแต่ก่อนน้องหายแล้ว พูดย้ำๆอยู่แบบนั้น ว่าจะเอาลูกเราไปเลี้ยง

โดยได้สรุปเหตุการณ์สำคัญดังต่อไปนี้ว่า

ขณะที่โลกสังคมออนไลน์ และผู้ที่ติดตามข่าวน้องชมพู่ รวมถึงแม่น้องชมพู่ ต่างพุ่งเป้าไปที่ ลุงพล ลุงของน้องชมพู่

แม่บอกว่า ทุกคนคือผู้ต้องสงสัย ยกเว้นชมพู่ โดยตำรวจจะเป็นผู้พิสูจน์ว่าใครคือคนร้าย

แม่เริ่มสงสัยลุงพล ตั้งแต่งานศพน้อง ว่าทำไมลุงพล และป้า หลังๆ ไม่มางานศพเลย แต่แม่ก็ไม่ได้บอกพ่อ เพราะกลัวว่าจะไปจับผิดลุงพล แล้วทำให้ทะเลาะกัน

ลุงพล ออกสื่อ หลายครั้งที่พูดไม่ตรงกัน เพราะสะดิ้งบอกกับแม่ว่า ยังไม่ได้บอกใครว่าน้องหาย จนเดินไปถึงบ้านป้าแต๋น ซึ่งตอนนั้นเหลือแค่ป้ากับลูกของป้า แต่ลุงพลออกมาบอกว่า เจอสะดิ้ง แล้วสะดิ้งบอกว่า น้องชมพู่หายไป ซึ่งข้องใจว่า รู้ก่อน หรือหลัง ไปรับพระกันแน่ เพราะพูดไม่ตรงกับสะดิ้งที่บอกว่าไม่เจอลุงพลที่บ้าน ซึ่งแม่เชื่อว่า สะดิ้งจำไม่ผิด และพูดตรงกันทุกครั้ง อีกทั้งสะดิ้งยืนยันว่า ไม่ได้โกหก

สรุปแล้วลุงพล รู้ว่าชมพู่หายไปก่อนหรือหลังไปรับพระ และช่วงเวลาที่ลุงหายไปรับพระ นานไปหรือไม่ ลุงพลกับป้าแต๋นบอกว่า ออกจากไร่ 09.22 น. มาถึงบ้าน 09.30 น. ก่อนจะรีบอาบน้ำ และไปรับพระ พระบอกลุงพลไปรับตอน 10.10 น. ซึ่งระยะทางสั้นมาก ใช้เวลาไม่นาน เวลาน่าจะเหลือ

เรื่องที่ลุงพลบอกว่า ที่ช้าเพราะแวะคุยกับชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านที่เจอลุงพล 2 ใน 3 คน พูดตรงกัน บอกว่าเจอลุงพลหลังจากที่รับพระแล้ว ไม่ใช่ว่าก่อนไปรับพระ

น้องๆ คนอื่นก็สงสัยเช่นเดียวกัน โดยตอนแรกทุกคนก็ดูจากข่าว กระทั่งมานั่งคุยเปิดใจกัน ว่าสงสัยลุงพลเหมือนกันใช่ไหม ช่วง 2-3 วันก่อน ที่จะพูดเรื่องนี้ ซึ่งแม่เองสงสัยมาก่อนแล้ว ตนเลยบอกให้มานั่งคุยกัน แต่ไม่ได้บอกป้าแต๋น เพราะคุยเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเห็นว่าไม่มางานศพน้อง จึงเชื่อว่าคุยเรื่องนี้กับป้าแต๋นไม่ได้

แม่คิดว่าช่วงเวลาที่ลุงพลหายไป ระยะหนึ่งนั้น สามารถก่อเหตุได้ หากดูตามข่าวอื่นๆ ที่ผ่านมา (ยังไม่มีการสรุปว่า น้องเสียชีวิตที่ไหน และเวลาใดกันแน่)

เมื่อถามว่าสังคมตั้งข้อสงสัยว่าแม่ไม่เสียใจที่น้องจากไป แม่อธิบายว่า แม่ได้มานั่งเสียใจออกทีวี เราต้องทำใจ และต้องรีบหาน้อง ตอนเย็นก่อนจะเจอศพน้อง เรากำลังจะไปทำพิธีหาน้อง และอีกอย่าง มีตำรวจมาหาเราตลอด เราก็ไม่มีเวลามานั่งร้องไห้ผ่านสื่อ

เมื่อถามว่าเจอรองเท้า ทำไมไม่ขึ้นภูไป แม่บอกว่า ตอนนั้นมีร่างทรงมาบอกเราว่า ให้ทำพิธี บอกว่า ถ้าทำแล้วจะได้ลูกคืนตอน 1 ทุ่ม ซึ่งระหว่างนั้นมีคนนำรูปรองเท้ามาให้เราดู ด้วยความที่เราอยากได้ลูกคืน เราก็รีบไปทำพิธี พอลงมาก็เห็นว่าคนกรูกันไป และมารู้ว่าเจอน้องแล้ว ตอนนั้นตนได้ยินจากวิทยุของเจ้าหน้าที่อุทยานว่าเจอน้องแล้ว ยายก็บอกว่าไม่ต้องไป เพราะกลัวว่าจะไม่ไหว เดี๋ยวคนจะหามลงมาอีก เนื่องจากเราไม่ได้กินข้าวกินน้ำกันเลย ซึ่งยังต้องมีพยาบาลมาอยู่ที่บ้าน เราจึงนั่งรอที่บ้าน ระหว่างนั้นพ่อก็โทรหาเพื่อนที่ขึ้นไปบนภู เพื่อนก็บอกให้ทำใจว่า น้องไม่อยู่แล้วนะ ตอนนั้นเราเชื่อคำทำนาย ดูเหมือนจะจริง ไม่ได้คิดเรื่องขึ้นเขา และไม่คิดด้วยว่าจะตาย คิดว่าลูกเราจะกลับมาเป็นๆ ตอนนั้นเราจะไปนะ แต่ตากับยายห้ามไม่ให้ไป

เมื่อถามว่า ลองคิดแทนคนที่สงสัย พ่อกับแม่ต้องไม่รอ และอยากไปหาลูกด้วยตัวเองหรือ พ่อกับแม่บอกว่า ยายกับตาห้ามไว้ ซึ่งเราก็จะไปอยู่ ความคิดเรา คือลูกยังอยู่

เมื่อถามว่า แล้วจะรอให้เขาพาลูกมา แม่ไม่อยากขึ้นเขาไปหาลูกเหรอ แม่บอกว่า เขามันสูงมากนะ ซึ่งพ่ออธิบายเสริมว่า เราไม่ได้พักผ่อนมา 3-4 วันแล้ว ช่วงแรกเราเชื่อหมอธรรมที่มาทำพิธี ว่าให้ไปจุดธูปตรงนั้น ตรงนี้

เราไม่ได้ขอให้ลุงพลทำทุกอย่างตามที่ลุงพลบอก แม่ขอให้ลุงพลพาน้องไปผ่าศพครั้งสุดท้ายจริง เพราะช่วงนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบเราทุกวัน และถูกสอบวันละหลายชั่วโมง จึงให้ลุงพลพาน้องไป ตนปลุกทุกคน ไม่ได้เฉพาะลุงพลคนเดียว

การที่ทำศพเร็ว เผาเครื่องใช้ของชมพู่ แม่อธิบายว่า เป็นประเพณีของหมู่บ้านแถวนั้น ต้องเผาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปด้วย ซึ่งเราก็ไม่ได้เก็บเอง และไม่ได้เก็บหมด ญาติๆ เป็นคนเก็บให้ เนื่องจากต้องเตรียมบ้านเพื่อทำพิธี ซึ่งยายก็บอกให้เหลือไว้ดูต่างหน้าด้วย

แม่เริ่มสงสัยลุงพล จากไทม์ไลน์ แต่ก็มองไม่ออกว่า เหตุจูงใจคืออะไร

ขณะที่พ่อตอบคำถามสังคม เรื่องที่หลายคนสงสัยว่า วันที่น้องหายไป พ่ออยู่ที่ไหน โดยพ่อระบุว่า วันนั้นพ่อไปไถนา พ่อออกจากบ้าน 07.30 น. ไปถึงนา มีคนเลี้ยงควาย เห็นพ่ออยู่ตลอดเวลา และอีก 3 คนก็มาบอกว่า จะเป็นพยานให้ว่า เห็นพ่อชมพู่ไถนาอยู่ตรงนั้น ซึ่งพยานไปแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเรียบร้อย

พ่อบอกว่า "ไทม์ไลน์ลุงพล ทำไมไม่ตอบให้ชัดเจน เพราะของผมชัดแล้ว และมีพยานด้วย ซึ่งก็อยากให้ลุงพล ตอบให้ชัดเจนด้วย"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0