สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ
สัปดาห์นี้ ขอปรับคำแนะนำสำหรับ สหรัฐ ฯ กับยุโรป ลงไปที่ทยอยสะสม แต่ยังคงให้ซื้อ หุ้นไทย และ ญี่ปุ่น อยู่ เนื่องจากความแข็งแกร่งหลายด้าน และผลของด้านราคาครับผม
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน
พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ
Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 12 - 16 พฤศจิกายน 2561
ซื้อญี่ปุ่นและไทย ส่วนตลาดอื่นสะสมได้ต่อ
เหตุผล : ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ ส่วนญี่ปุ่นนั้นยังมีโอกาสในช่วงนี้เนื่องจากมีการปรับตัวลงมาก และทางนักลงทุนต่างประเทศในตลาดญี่ปุ่นยังไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมาก
Focus : ไทย และ ญี่ปุ่น
ความน่าสนใจ : ตลาดไทยมีความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในประเทศเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ ส่วนญี่ปุ่นนั้นมีปัจจัยที่จะน่าสะสมในด้านราคาและการบริหารจัดการประเทศอย่างต่อเนื่องของนายกรัฐมนตรีคนเดิม
Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีการตอบสนองที่ดีจากการเลือกตั้งในสหรัฐฯ โดย Democrat ได้เสียงข้างมากในสภาล่าง ส่วน Republican ยังครองเสียงข้างมากในสภาบน ซึ่งถึงแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อการผ่านนโยบายต่างๆ แต่การที่สภาล่างเป็น Democrat จะช่วยให้มีการถ่วงดุลอำนาจมากขึ้น
ในสัปดาห์นี้ผมมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปควรเปลี่ยนจากซื้อเป็นทยอยสะสมครับ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯได้มีการปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว ส่วนทางฝั่งยุโรปเอง ทางอิตาลีจะมีการหารือเรื่อง Budget ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนในตลาดหุ้น
สำหรับหุ้นญี่ปุ่นและไทย ยังแนะนำให้ซื้อต่อได้ครับ เนื่องจากมองว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในไทยยังมีความแข็งแกร่งอยู่เมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ในขณะที่ Positioning ของนักลงทุนต่างประเทศในญี่ปุ่นค่อนข้างเบาบางอยู่
ภาพรวมการลงทุน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ครับ นั่นคือสิ่งที่บอกว่าเศรษฐกิจยังดีอยู่ครับ ประกอบกับนโยบายลดภาษี ที่ช่วยส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไปต่อได้ครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ
ตลาดหุ้นยุโรป
ทยอยสะสมหุ้นยุโรปต่อไปครับ ในขณะที่ตอนนี้ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ประกอบกับความกังวลจากอิตาลีผ่อนคลายหลังจากผลโพลที่ชี้ว่าประชาชนยังคงสนับสนุนการอยู่ในยูโรโซน ซึ่งน่าจะส่งผลให้รัฐบาลอิตาลีประนีประนอมกับยุโรปมากขึ้น
สรุปสั้นๆ : ยังสะสมต่อได้ครับ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
อย่างที่บอกไปในสัปดาห์ก่อนว่าในช่วงไตรมาสนี้บริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นจะมีการซื้อหุ้นคืนสูงขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนราคาหุ้นให้เพิ่มสูงขึ้นได้ครับ ซึ่งตอนนี้ถือเป็นจังหวะที่เหมาะในการซื้อต่ออยู่ครับ
อีกประเด็นคือ การที่ นายชินโซะ อาเบะ จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลปัจจุบันหรือ LDP ต่อ ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องมากขึ้นนั้น ถือเป็นข้อบ่งชี้ที่ดีอยู่เช่นกันครับ
สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อได้ครับ!
ตลาดหุ้นเกาหลี
ผมมองว่าตลาดหุ้นเกาหลียังสะสมได้ต่อนะครับ จากเหตุผลที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ของประเทศจีนและสหรัฐฯ มีการชะลอตัวและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (เป็นปัจจัยเดิม) และความเสี่ยงของการผันผวนแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ทำให้เกาหลียังน่าสนใจอยู่ครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมได้ สะสมต่อไปได้ครับ
ตลาดหุ้นอินเดีย
ตลาดหุ้นอินเดียยังมีการปรับตัวขึ้นมาในสัปดาห์นี้เล็กน้อยครับ ก็ยังพอจะยืนยันได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศอินเดียยังคงขยายตัวได้ดีตามที่ผมวิเคราะห์ไว้ครับ นอกจากนั้น ปัจจัยที่มากดดันอย่างเรื่องของเงินรูปีที่อ่อนค่า กับ เรื่องของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมลดลงนั้น ยังมองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ยังสามารถสะสมต่อไปได้ครับ
สรุปสั้นๆ : ยังคงทยอยสะสมได้อีกเช่นเคย
ตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยยังคงผันผวน แกว่งตัวไปมา ให้เรารู้สึกหวั่นใจเรื่อยๆ แต่อย่างที่บอกไปครับว่าถ้ามองภาพรวมพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ผมเชื่อว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวดีอยู่ จากปัจจัยสำคัญ คือ การเลือกตั้งที่จะมีในต้นปีหน้า ที่ช่วยสนับสนุนบรรยากาศในการลงทุนตอนนี้
ถ้าสัปดาห์ที่แล้วใครซื้อตามที่ผมบอก ถือว่าสัปดาห์นี้ยิ้มออกแน่นอนครับ
สรุปสั้นๆ : ใคร (กล้า) ซื้อได้ ซื้อต่อไปครับ
ตลาดหุ้นจีน
สัปดาห์นี้ยังคงทยอยสะสมหุ้นได้ทั้ง A-SHARE และ H-SHARE แล้วครับ ตามปัจจัยเดิมที่เคยบอกไว้ในอาทิตย์ก่อน เพราะทางฝั่งของตลาดหุ้นจีน A-SHARE ปรับตัวลงมา 30% จากจุดสูงสุดในปีนี้ ทำให้ตอนนี้น่าสนใจมากๆ ครับ
ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ลดภาษีสินค้าการนำเข้า ลดภาษีนิติบุคคล และปัญหากับทางสหรัฐเรื่องกำแพงการค้าที่ลดลงครับ
สำหรับฝั่ง H-SHARE ยังไปต่อได้เรื่อยๆ ครับ เน้นทยอยสะสมไปครับผม
สรุปสั้นๆ : สัปดาห์นี้สะสมได้ทั้งสองตลาดครับ
แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์
ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นญี่ปุ่น หุ้นไทย ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ, หุ้นยุโรป , หุ้นเกาหลี หุ้น H-SHARE, หุ้นอินเดีย และหุ้น A-SHARE
ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield ต่างประเทศ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น
สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและทองคำ
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นไทย 16%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
- ตราสารหนี้ไทย 42%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 6%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 25%
- หุ้นไทย 34%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
- ตราสารหนี้ไทย 18%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 8%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 41%
- หุ้นไทย 46%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
- ตราสารหนี้ไทย 3%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%
“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561
ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป
โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง
อ่านบทความ อัศวินกองทุน ย้อนหลัง 1 สัปดาห์ : https://aommoney.com/stories/อัศวินกองทุน/สรุปภาพรวมการลงทุน-ช่วงวันที่5-9-พฤศจิกายน-2561-weekly-outlook-กับอัศวินกองทุน/2335