นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองโอนทรัพย์สินทั้งหมดเข้าไปอยู่ในกองทุน Blind Trust ว่า การโอนทรัพย์สินเข้าไปไว้ใน Blind Trust เป็นการบริหารจัดการทรัพย์สินปกติ เหมือนกองทุนต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งต้องขออนุญาตจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ผลประโยชน์ผลตอบแทน จากการโอนทรัพย์สินไปไว้ในกองทุน ผู้ที่บริหารจัดการต้องทำหน้าที่นำส่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษี เงินปันผล ทุกประเภท ก็มีหน้าที่ต้องนำส่งให้กรมสรรพากร
“ผมยังไม่ทราบรายละเอียดกองทุนที่พรรคการเมืองไปจด มีการร่างสัญญาเป็นอย่างไร แต่โดยทั่วไป คนที่ทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินส่วนบุคคล ก็มีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีใดใดที่เกิดขึ้น ผู้บริหารจัดการกองทุนเป็นคนนำส่งให้กรมสรรพสากร อำนาจหน้าที่ในการเสียภาษีทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง” นายเอกนิติ กล่าว
ทั้งนี้ การตั้งกองทุน Blind Trust ไม่ใช่วิธีที่จะเอาไปหลบภาษีได้ ผู้ที่โอนทรัพย์สินทั้งบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล ยังมีภาระหน้าที่เสียภาษีอยู่เหมือนเดิม ไม่สามารถยกเว้นได้หรือหลบเลี่ยงภาษีได้ กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่บอกว่า Blind Trust ไม่ได้หมายความว่า Blind แล้วจะหลบซ่อนสรรพากรได้ ถ้าไม่เสียภาษีให้ถูกต้อง ก็ต้องตรวจสอบ ส่วนการนำไปลงทุนต่างประเทศ ถ้ามีรายได้ ก็ยิ่งต้องรายงานภาษีต้องครบถ้วน ดังนั้น Blind Trust จึงไม่ใช่เป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษี