กรมสรรพสามิต ยันเรียกภาษีความเค็มเฉพาะสินค้าที่ใช้ในการเพิ่มรสชาติอาหารเท่านั้น ขณะที่ปลาเค็ม เนื้อเค็ม กุ้งแห้ง ปลาร้า ปลาเจ่า ปลาส้ม ปลาจ่อม กะปิ น้ำบูดู ไม่เข้าข่ายที่จะต้องเสียภาษีความเค็ม…
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดเก็บภาษีความเค็ม ว่า การเก็บภาษีความเค็มจากโซเดียมจะเก็บเฉพาะที่ใช้ในการเพิ่มรสชาติอาหารเท่านั้น แต่ในส่วนของร้านค้า ธุรกิจชุมชนที่มีการใช้ความเค็มเพื่อการถนอมอาหาร เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม กุ้งแห้ง ปลาร้า ปลาเจ่า ปลาส้ม ปลาจ่อม กะปิ น้ำบูดู ไม่เข้าข่ายที่จะต้องเสียภาษีความเค็ม รวมถึงสินค้ากลุ่มเครื่องปรุง เช่น น้ำปลา เกลือ ซีอิ๊วขาว และร้านค้าข้าวแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ก็จะไม่เสียภาษีด้วย
สำหรับอัตราการเก็บภาษีความเค็มจากโซเดียมที่ใช้ในการเพิ่มรสชาติอาหาร อยู่ระหว่างการพิจารณาปริมาณความเค็ม ว่าจะใช้มาตรฐานของหน่วยงานใดเป็นตัววัด เพราะองค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อร่างกาย คือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากเฉลี่ยต่อมื้อก็ไม่ควรเกิน 600 มิลลิกรัม
แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขของไทย แนะนำปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อร่างกาย คือ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้นจะต้องหาข้อสรุปดังกล่าวก่อน เพื่อมากำหนดอัตราภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคต่อมื้อที่เหมาะสมว่าควรเป็นเท่าไร.