เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.62) นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตกำลังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการจัดเก็บ ภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยที่ให้บริการผ่าน ระบบออนไลน์ต่าง ๆ เช่น การให้บริการสมาชิกโหลดภาพยนตร์ หรือเพลง โดยเจ้าของแพลตฟอร์มจะเป็นผู้เก็บ ค่าสมาชิก รวมถึงศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีสปอร์ต ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ถือว่ามีมูลค่าการตลาดในระดับสูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังไม่อยู่ในระบบภาษี ที่ผ่านมาธุรกิจดังกล่าวนั้น ทางกรมสรรพสามิตได้จัดให้อยู่ในพิกัดประเภทภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่ายังไม่เห็น ช่องทางที่จะสามารถเก็บได้ เนื่องจาก ผู้ให้บริการ เช่น ยูทูป เฟซบุ๊ค มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากรมสรรพสามิต ได้มีการเก็บภาษีจากโรงหนัง ซึ่งเป็น ภาษีมหรสพได้ เพราะจดทะเบียนจัดตั้ง อยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ปัจจุบันธุรกิจแบบการสมัครสมาชิกโหลดหนังและฟังเพลงนั้น พบว่ามีเงินหมุนเวียนอยู่ในตลาดจำนวนมาก แต่ยังไม่อยู่ในระบบภาษี ดังนั้นกรมสรรพาสามิตจึงกำลังศึกษาวิธีการจัดเก็บภาษีจากหลายประเทศ และจากการศึกษาก็ทำให้พบว่า มีหลายประเทศมีการจัดเก็บภาษีจากผู้ให้บริการเหล่านี้แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ให้บริการเฟซบุ๊คได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทไว้ จึงสามารถ เก็บภาษีได้
สำหรับการเก็บภาษีจากกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีสปอร์ต นั้น ยอมรับว่าสามารถทำได้ยาก เพราะตอนนี้อีสปอร์ตถูกจัดอยู่ ในรูปแบบของกีฬาตามพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 รวมทั้งเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการเกมออนไลน์ ต่าง ๆ ยังตั้งอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งทางกรมสรรพสามิตและกรมสรรพากร ไม่มีอำนาจไปจัดเก็บภาษีส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม การที่กรมสรรพากรเตรียมออกกฎหมายจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Business โดยกำหนดให้นิติบุคคลซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ประกอบกิจการ โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์มีรายได้และมีกำไร ที่ใช้โดเมนเนมท้องถิ่นของไทย ต้องเสียภาษีเงินได้ในประเทศไทย หัก ณ ที่จ่ายในอัตรา ร้อยละ 15 นั้น ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่เงินในส่วนนี้กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บจากธนาคารได้ แต่กรมสรรพสามิตไม่สามารถจัดเก็บได้ เพราะตามหลักการกรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้จากผู้ผลิตและผู้ประกอบการเท่านั้น แต่เก็บจากผู้บริโภคไม่ได้