นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต
กรมสรรพสามิต เตรียมพิมพ์เขียวจัดเก็บภาษีหลายรายการเพิ่มเติม เสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณา โดยมีเบียร์ 0% และภาษีความเค็ม สินค้าที่ทำลายสุขภาพ พร้อมเสนอเปิดพิกัดภาษีกัญชาและบุหรี่ไฟฟ้า หากรัฐบาลใหม่อนุญาตให้นำเข้าและเป็นของถูกกฎหมาย ส่วนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จะตั้งเป็นกองทุนให้ผู้ประกอบการจ่ายค่ากำจัดและบริหารจัดการ
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้ศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนแบตเตอรี่ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการดูแลสิ่งแวดล้อม หลังพบว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเติบโตและมาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทำให้การนำเข้าแบตเตอรี่รถยนต์อาจจะมีอยู่สูง และกลายเป็นขยะพิษในอนาคต หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
โดยให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดที่นำเข้าแบตเตอรี่ดังกล่าว ต้องมีแผนจัดการแบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานแล้ว หากไม่ได้ทำตามแผนจะถูกเรียกเก็บเงินเข้ากองทุน ซึ่งตามร่างกฎหมายกำหนดเพดานสูงสุดไว้ที่ 1 ล้านบาท ต่อแบตเตอรี่ 1 ลูก
“เป็นลักษณะของกึ่งกองทุนนะครับ หลักการคือถ้ามีการนำเข้าแบตเตอรี่เข้ามา หรือมีการผลิตแบตเตอรี่ เพราะฉะนั้นต้องมีครบวงจร ปลายทางที่จะมีการบริหารท่านจะไปรีไซเคิล หรือท่านจะรียูส หรือจะมีวิธีกำจัดอย่างไรเมื่อถึงอายุมัน ถ้าไม่มีรับก็จะขอเรียกกองทุนเงินที่จะเข้ามาเก็บเอาไปดำเนินการ” พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว
นอกจากนี้ยังได้จัดทำรายงานข้อมูลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทั้งแผนปฏิบัติการ เป้าหมายจัดเก็บรายได้ แผนเก็บภาษีสินค้าใหม่ อาทิ เครื่องดื่มเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ กัญชา บุหรี่ไฟฟ้า ภาษีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น ภาษีความเค็มในอาหาร เตรียมเสนอให้รัฐบาลใหม่พิจารณา
ทั้งนี้ แนวทางการจัดเก็บเบียร์แอลกอฮอล์ 0% จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเปิดพิกัดภาษีใหม่สำหรับภาษีเบียร์ไร้แอลกอฮอล์โดยตรง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี และป้องกันไม่ให้เยาวชนไปทดลองดื่ม เนื่องจากปัจจุบันเบียร์แอลกอฮอล์ 0% เก็บภาษีในอัตราเดียวกับน้ำอัดลมเพียงร้อยละ 14 ขณะที่ภาษีเบียร์ทั่วไปเก็บที่ร้อยละ 22 โดยจะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเปิดพิกัดภาษีใหม่จัดเก็บในอัตราที่อยู่ระหว่างกลุ่มเครื่องดื่ม แต่ต่ำกว่าเบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จากการสำรวจพบว่าเบียร์แอลกอฮอล์ 0% ขายกันในราคากระป๋อง 39-99 บาท แต่เสียภาษี 5-12 บาทต่อกระป๋อง แต่หากเสียภาษีเท่ากับเบียร์ทั่วไปอาจต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้ราคาขายอาจปรับเพิ่มขึ้น
ขณะที่การเก็บภาษีสรรพสามิตกัญชา และบุหรี่ไฟฟ้า จะถือเป็นมาตรการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เนื่องจากตอนนี้กัญชาและบุหรี่ไฟฟ้า ยังไม่ได้เปิดใช้เพื่อการพาณิชย์อย่างถูกกฎหมาย จึงต้องรอดูรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะมีการอนุญาตให้ใช้กัญชาในเชิงพาณิชย์ ก็จะจัดเก็บจากสารสกัดที่ได้จากกัญชาเป็นหลัก ขณะที่หากมีการเปิดให้นำเข้าบุหรีไฟฟ้าก็ต้องมีพิกัดในการเสียภาษีสินค้าดังกล่าว
