โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สมุนโหดซัดทอดบรรยิน ลงมือเอง จับฆ่าเผานั่งยาง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 25 ก.พ. 2563 เวลา 22.43 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 22.01 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

คุม6แก๊งทมิฬฝากขัง! นอนคุก-ไม่ได้ประกัน คำร้องระบุความเหี้ยม อุ้ม-ขู่พี่ชายผู้พิพากษา พบเศษกระดูกเพิ่มอีก

แก๊งทมิฬบรรยินและพวกอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาคอตกเข้าเรือนจำ ไม่ได้ประกันตัว หลังกองปราบฯคุมตัวทั้ง 6 คนยื่นคำร้องฝากขังผัดแรก และคัดค้านการประกันตัว แฉคำร้องระบุชัด แก๊งเหี้ยมเฝ้าสะกดรอยผู้พิพากษาหญิงและพี่ชายมานานจนรู้กิจวัตรก่อนลงมืออุ้ม เผยก่อนฝากขัง คุม 3 สมุนบรรยินไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 2 จุด จุดแรกเป็นบ้านบรรยิน รัชดาฯ 33 ที่วางแผน จุด 2 จุดอุ้มเหยื่อชราหน้าศาลแพ่งกรุงเทพอาญาใต้ แฉ 5 สมุนบรรยินรับสารภาพครบหมดแล้ว เหลือจอมบงการที่ยังปากแข็ง เผยอีกชุดสืบสวนใช้โดรนบินกว่าจะพบจุดเผาต้องใช้เวลาถึง 5 วัน ด้านผู้การกองปราบฯยัน ถึงไม่เจอศพ แต่เศษกระดูกที่พบก็เพียงพอต่อการดำเนินคดีแล้ว

จากเหตุอุกอาจเขย่ากระบวนการศาลยุติธรรม เมื่อ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช. พาณิชย์ และ ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย ถูกกองปราบปรามและชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.ร่วมกันจับกุมพร้อมสมุนอีก 5 คนคือ นายมานัส ทับนิล อายุ 67 ปี นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 49 ปี นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 34 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กุล อายุ 31 ปี และ ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ ส.จ.อ๊อด อายุ 62 ปี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ซ่องโจร เรียกค่าไถ่ และหน่วงเหนี่ยวกักขังให้สูญสิ้นอิสรภาพ รวม 6 ข้อหา หลังร่วมกันอุ้มฆ่าเผานายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาล อาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด กว่า 300 ล้านบาท เพื่อข่มขู่ น.ส.พนิดาให้ตัดสินยกฟ้องคดี พ.ต.ท.บรรยิน น.ส.กัณฐณา ศิวาธนะพล หรือน้ำตาล และ น.ส.อุรชา พรหมา หรือป้อนข้าว ตกเป็นจำเลย โดยพบหลักฐานสำคัญ ทั้งเลือดในรถที่ใช้อุ้มเหยื่อจากหน้าศาลฯ เศษกระดูก และชิ้นส่วนทรัพย์สินของผู้ตายบริเวณจุดเผา เขาใบไม้ จ.นครสวรรค์ ขณะที่ “บรรยิน” ยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่รู้ไม่เห็น

คุมทำแผน 2 จุดแต่เช้ามืด

ความคืบหน้าในคดีนี้ เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 25 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.เสวก บุญจันทร์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ หนุมาน กองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ไปเบิกตัว 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับพร้อม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ที่แยกคุมขังตามสถานีตำรวจนครบาลที่มีที่ตั้งใกล้เคียงกองปราบฯ โดยเบิกตัวนายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข จาก สน. ห้วยขวาง และเบิกตัวนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ ที่ สน.สุทธิสาร ไปทำแผนชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ คดีอุ้มฆ่าเผานั่งยางนายวีรชัย ศกุลตะประเสริฐ พี่ชาย ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ สำหรับ 3 ผู้ต้องหาแก๊งอุ้ม ทั้งหมดมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยนายณรงค์ศักดิ์ใช้เสื้อพันศีรษะปิดบังใบหน้าเช่นเดียวกับผู้ต้องหาอีก 2 คน สวมหน้ากากอนามัยและสวมหมวกแก๊ปสีดำ

จุดแรก บ้านบรรยิน สุมหัววางแผน

จุดแรกอยู่ที่หน้าบ้านเลขที่ 9/13 ซอยรัชดาภิเษก 33 แขวงและเขตจตุจักร กทม. เป็นอาคารสูง 4 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 300 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด ผู้ต้องหา 3 คน ยืนยันว่าเป็นบ้าน พ.ต.ท.บรรยิน ก่อนเกิดเหตุได้มาวางแผนที่บ้านนี้ โดยวันที่วางแผน นายมานัส ทับนิล ได้ขับรถพานายประชาวิทย์ และนายชาติชาย เป็นคนที่ ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ ส.จ.อ๊อด จัดหามาให้เพื่อมาพบ พ.ต.ท.บรรยิน และนายณรงค์ศักดิ์ ที่บ้านดังกล่าว โดย พ.ต.ท.บรรยินได้บอกกับทั้งห้าคนว่ามีงานให้ทำเป็นเรื่องอุ้มคนแก่ พร้อมจัดหาชุดและหมวกให้กลุ่มผู้ต้องหา

จุด 2 อุ้มเหยื่อหน้าศาลแพ่งฯ

จุด 2 อยู่บริเวณตรงข้ามศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 แขวงเจริญกรุง เขตสาทร กรุงเทพฯ เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาดักรออุ้มตัวนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ ขึ้นรถเมื่อวันที่ 4 ก.พ. และให้การว่า ในวันดังกล่าว พ.ต.ท.บรรยินใส่เครื่องแบบตำรวจสวมหมวกกันน็อก ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เป็นคนขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ภายในรถมีนายณรงค์ศักดิ์ นายชาติชายและนายประชาวิทย์ นั่งอยู่ด้วย โดยทั้ง 3 คนสวมชุดที่ พ.ต.ท.บรรยินจัดเตรียมไว้ เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ ใส่หน้ากากอนามัยสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า

อ้างผิดแผน ซ้อมเหยื่อดับคารถ

นายณรงค์ศักดิ์ยังรับสารภาพด้วยว่า เป็นคนล็อกตัวนายวีรชัย ส่วนนายชาติชาย เป็นคนดันตัวเหยื่อขึ้นรถ จากนั้นนายณรงค์ศักดิ์ได้ขึ้นไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ มีนายประชาวิทย์ และนายชาติชาย นั่งประกบผู้ตายไว้เบาะหลัง จากนั้นได้เอาผ้าเทปปิดปาก นำถุงผ้าคลุมศีรษะผู้ตาย ระหว่างทางนายณรงค์ศักดิ์ โทรศัพท์ข่มขู่ผู้พิพากษาตามคำสั่ง พ.ต.ท.บรรยิน และปรับเบาะที่นั่งในลักษณะเอนไปที่ด้านหลังแล้วต่อยนายวีรชัยที่สีข้าง จากนั้นได้ขับรถมุ่งหน้าเส้นทางถนนพระราม 5 บางบัวทอง สุพรรณบุรี ไป จ.นครสวรรค์ ระหว่างทางนายวีรชัยเกิดเสียชีวิต ทำให้แผนจากเดิมที่ต้องการกดดันผู้พิพากษา ต้องเปลี่ยนเป็นการอำพรางคดี พอขับมาถึงช่วงสวนนก จ.ชัยนาท นายมานัสได้ขับรถอีกคัน มาถ่ายคนจากรถของ พ.ต.ท.บรรยิน และขับนำหน้าเพื่อดูว่ามีตำรวจตั้งด่านตามเส้นทางหรือไม่ หลังเสร็จสิ้นการทำแผน เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปยังกองปราบปราม

เมีย–ลูกชายบรรยินรุดเยี่ยม

ต่อมาเวลา 08.00 น. นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ เเละนายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาเเละลูกชาย พ.ต.ท.บรรยิน เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อเข้าเยี่ยม พ.ต.ท.บรรยิน โดยนางวราภรณ์กล่าวภายหลังจากการเข้าเยี่ยมว่า ได้เข้าไปหารือกับสามีกรณีจะชี้แจงความบริสุทธิ์ของครอบครัวในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ เห็นมีสื่อบางสำนักที่มีการนำเสนอข้อมูลว่าในวันที่ 4 ก.พ.วันเกิดเหตุมีผู้ถูกกล่าวหาบางรายอยู่ในงานศพ พื้นที่ จ.นครสวรรค์ ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาบางคน มีพยานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในวันดังกล่าวเช่นกัน ทำให้ตนและครอบครัว พยายามจะขอข้อมูลในส่วนนี้นำมาประกอบกับการแสดงความบริสุทธิ์ของสามี สำหรับรายละเอียดอื่นๆพ.ต.ท.บรรยินอยู่ระหว่างพิจารณา และหารือว่าจะบอกข้อมูลใดกับสื่อได้บ้างหรือไม่

ป.คุมเข้มฝากขัง บรรยินยังยิ้มได้

ต่อมาเวลา 13.15 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ หนุมาน กองปราบปราม คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ประกอบไปด้วย 1.พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี นายมานัส ทับนิล อายุ 67 ปี 3.นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี 4.นายชาติชาย เมณฑ์กูล 31 ปี 5.นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ 6.ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ผู้ต้องหา 1-6 ออกจากห้องคุมขังกองบังคับการปราบปราม ไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.-7 มี.ค.63 แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานบุคคล 10 ปาก รอผลการตรวจสอบวัตถุพยานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาและจากที่เกิดเหตุรอผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุและอื่นๆ โดยขณะที่นำตัว พ.ต.ท.บรรยิน ออกมาจากห้องคุมขัง ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม และปฏิเสธที่จะไม่ให้สัมภาษณ์ เช่นเดียวกันกับผู้ต้องหารายอื่นๆ

คำร้องชัด ข่มขู่ให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้น

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า สืบเนื่องจากพนักงานอัยการกองคดีอาญากรุงเทพใต้ และทายาทนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ผู้ตาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวก เป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารใบโอนหุ้น และมีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ไปให้พรรค พวก พ.ต.ท.บรรยิน ที่ร่วมกระทำความผิดโดยทุจริต เป็นคดีที่เกี่ยวพันกับการฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยินถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดพระโขนงอีกคดีหนึ่ง และศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้สั่งรวมสำนวนเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.305/2561 มอบหมาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส เป็นเจ้าของสำนวน ได้สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว นัดหมายฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าวในวันที่ 20 มี.ค.63 ต่อมา ผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้สมคบกันลักพาตัวนาย วีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เพื่อนำไปข่มขู่ให้ น.ส.พนิดามี คำพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยินกับพวก พร้อมกับให้คืนเงินกับหุ้นในคดีทั้งหมดแก่ พ.ต.ท.บรรยิน มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ

ตามสะกดรอยผู้พิพากษาและพี่

คำร้องระบุต่อว่า โดยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มอบโทรศัพท์มือถือให้ผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 คนละ 1 เครื่อง ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 มีไว้ใช้เอง 2 เครื่อง จากนั้นเดินทางจาก จ.นครสวรรค์ มากรุงเทพมหานคร ด้วยรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเอเวอร์เรสต์ สีดำ ทะเบียน กร 39 นครสวรรค์ มาถึงบ้านเลขที่ 9/13 ซอยคลังมนตรี แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อมาถึง ผู้ต้องหาที่ 2 และ 3 ช่วยกันนำรถจักรยานยนต์ขึ้นท้ายรถ กระบะ ทะเบียน บย 8386 นครสวรรค์ มีผู้ต้องหาที่ 2 เป็นคนขับ และมีผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 นั่งไปด้วย โดยขับมาจอดในวัดสุทธิวราราม จากนั้นผู้ต้องหาที่ 2 กับพวกได้นำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาติดแผ่นป้ายทะเบียน ลจข 579 กรุงเทพมหานคร ให้ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ขี่รถจักรยานยนต์ มีผู้ต้องหาที่ 2 นั่งซ้อนท้ายไปเฝ้าดู น.ส.พนิดาและนายวีรชัย แต่ไม่พบได้จอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ข้างธนาคารกรุงไทย ใกล้ศาลอาญากรุงเทพใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร แล้วนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านมาที่ซอยคลังมนตรี ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 ขับรถกระบะกลับบ้าน

รู้กิจวัตรพี่รับส่งน้องสาวทุกวัน

ต่อมาวันที่ 8, 12, 13, 14, 15, 16, 17 และ 20 ม.ค.63 ผู้ต้องหาที่ 1-3 ยังคอยติดตามสะกดรอยเฝ้าดูพฤติการณ์ น.ส.พนิดาและนายวีรชัย ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ไปจนถึงบ้านย่านถนนวรจักร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยใช้รถจักรยานยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน ลจข 579 กรุงเทพมหานคร และใช้รถยนต์ยี่ห้อมินิคูเปอร์ ทะเบียน 2 กฐ 524 กรุงเทพมหานคร เฝ้าติดตามจนทราบถึงพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของ น.ส.พนิดาและนายวีรชัย โดยในแต่ละวันนายวีรชัยจะนั่งรถแท็กซี่จากบ้านพักมารับส่ง น.ส.พนิดาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นประจำ

เตรียมรถ–เบนซิน–ยางก่อนอุ้ม

พ.ต.ท.บรรยิน, นายณรงค์ศักดิ์ และนายมานัสได้จัดเตรียมยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุไว้เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ทะเบียน ชฉ 683 กรุงเทพมหานคร มี พ.ต.ท.ประเสริฐ ผลประสาร เป็นเจ้าของและผู้ครอบครอง โดยนำมาถอดแล็กหลังคา บันไดด้านหลัง และกระจกที่กันแมลงหน้ารถออก แล้วนำแผ่นป้ายทะเบียน 3 กว 7719 กรุงเทพมหานคร มาติดไว้แทนเพื่ออำพราง และก่อนถึงวันลงมือก่อเหตุลักพาตัว พ.ต.ท.บรรยินได้สั่งให้นายณรงค์ศักดิ์ซื้อน้ำมันเบนซิน 95 พร้อมให้จัดเตรียมแผ่นสังกะสี และยางรถยนต์ 4 เส้น เตรียมไว้ โดย พ.ต.ท.บรรยินและนายณรงค์ศักดิ์ได้ร่วมกันขนสิ่งของดังกล่าวเข้าไปที่บริเวณเขาใบไม้ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยใช้รถกระบะ มีนายณรงค์ศักดิ์เป็นผู้ขับขี่

บรรยินนำ 3 สมุนล็อกเหยื่อขึ้นรถ

ต่อมาวันที่ 4 ก.พ. พ.ต.ท.บรรยินขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นสปอร์ต ไรเดอร์ ติดแผ่นป้ายทะเบียน 3 กว 7719 กรุงเทพมหานคร ออกจากบ้านเลขที่ 9/13 ซอยคลังมนตรีฯ โดยนายมานัสขับรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด เอฟเวอร์เรสต์ ทะเบียน กร 39 นครสวรรค์ ตามออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยนายมานัสขับออกไปทาง อ. บางบัวทอง มุ่งหน้าไปทาง จ.สุพรรณบุรี ส่วนรถยนต์สปอร์ตไรเดอร์ คันที่ใช้ก่อเหตุ ขับขึ้นทางด่วนที่ด่านเก็บเงิน “พหลโยธิน” ขับลงที่ถนนจันทน์ แล้วไปจอดรอที่ฝั่งตรงข้ามศาลแพ่งกรุงเทพใต้ จุดเกิดเหตุ เมื่อนายวีรชัยลงจากรถแท็กซี่ พ.ต.ท.บรรยิน นายณรงค์ศักดิ์ นายประชาวิทย์ นายชาติชาย ได้ร่วมกันพาตัวนายวีรชัยขึ้นรถ แล้วขับหลบหนีขึ้นทางด่วนที่ด่าน “สุรวงศ์” ก่อนที่จะขับเข้าทางด่วนที่ด่าน “บางซื่อ 1” แล้วขับมุ่งหน้าไปทางอำเภอบางบัวทอง และ จ.สุพรรณบุรี

ผู้พิพากษาแจ้ง ตร. หลังรู้พี่ถูกอุ้ม

คำร้องบรรยายถึงพฤติกรรมต่อว่า ระหว่างนั้น น.ส.พนิดาได้โทรศัพท์หานายวีรชัย แต่ พ.ต.ท.บรรยินกับพวกออกอุบายว่านายวีรชัยเกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อ น.ส.พนิดาตรวจสอบตามโรงพยาบาลต่างๆไม่พบ ได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้น น.ส.พนิดาโทรศัพท์ไปยังหมายเลขนายวีรชัยอีกครั้ง พ.ต.ท.บรรยินกับพวกได้พูดข่มขู่ให้พิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยินกับพวก พร้อมให้คืนเงินกับหุ้นทั้งหมด หากไม่ทำตามจะฆ่านายวีรชัย น.ส.พนิดาได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม และในเวลาต่อมา พ.ต.ท.บรรยินกับพวกได้ร่วมกันฆ่านายวีรชัย นำศพไปเผาอำพรางในพื้นที่ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ก่อนนำศพนายวีรชัย ที่ยังเผาไหม้ไม่หมด รวมทั้งเถ้ากระดูก และเถ้าถ่านในจุดที่เผาไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ทำลายหลักฐานในการกระทำผิด

ป.ขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ

พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ต่อศาลอาญา ศาลได้อนุมัติหมายจับที่ 221/2563 ลงวันที่ 19 ก.พ.63 (พ.ต.ท.บรรยิน) หมายจับที่ 222/2563 ลงวันที่ 19 ก.พ. 63 (นายมานัส) หมายจับที่ 223/2563 ลงวันที่ 19 ก.พ.2563 (นายณรงค์ศักดิ์) หมายจับที่ 248/2563 ลงวันที่ 23 ก.พ.63 (นายประชาวิทย์) หมายจับที่ 249/2563 ลงวันที่ 23 ก.พ.63 (ด.ต.ธงชัย) หมายจับที่ 250/2563 ลงวันที่ 23 ก.พ.63 (นายชาติชาย) ในความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบ เพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป, พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด”

พงส.ขอคัดค้านประกันตัว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาที่ 1-6 ตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1-6 ให้การยอมรับเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1, 2, 6 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3, 4, 5 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เหตุเกิดที่บริเวณหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร, แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร, ต.ตาคลี อ.ตาคลี, อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ หลายท้องที่เกี่ยวพันกัน ระหว่างวันที่ 7 ม.ค.63 -วันที่ 5 ก.พ.63 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก เนื่องจากคดีที่มีอัตราโทษสูง เกิน 3 ปี เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามพนักงานสอบสวนแล้วยืนยันเหตุจำเป็นตามคำร้องที่จะรอตรวจดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนศพ รอผลตรวจดีเอ็นเอจากคราบเลือดที่พบในรถยนต์ของกลาง รอสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 20 ปาก รอผลตรวจสถานที่เกิดเหตุ ขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 แถลงต่อศาลให้ทราบว่า นับตั้งแต่ถูกจับกุมจนถึงขนาดนี้ยังไม่ได้ติดต่อกับทนายความของตัวเอง ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์ไว้ ขณะที่ศาลสอบถามผู้ต้องหาว่า ระหว่างสอบคำให้การในชั้นสอบสวนมีทนายอยู่ด้วยหรือไม่ และให้การไว้อย่างไร พ.ต.ท.บรรยิน ระบุว่ามีทนายที่รัฐจัดหาให้และมีภรรยาอยู่ด้วยโดยตลอด ส่วนตนให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาล ศาลชี้แจงว่ากระบวนการดังกล่าวถือได้ว่ามีทนายความของผู้ต้องหาร่วมอยู่ด้วยแล้ว ทั้งนี้เมื่อศาลพิจารณาคำร้องแล้วผู้ต้องหาทั้งหมดไม่คัดค้าน อนุญาตให้ฝากขังได้

ไม่ได้ประกันเข้าเรือนจำทั้งแก๊ง

หลังการฝากขัง พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับพนักงานสอบสวน คัดค้านการปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว ในชั้นนี้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง พร้อมแจ้งเหตุผลในการไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ร้องขอประกันทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว จากนั้น ในเวลาประมาณ 16.30 น. รถของกรมราชทัณฑ์ได้นำตัว ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ออกไปจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยมีรถของกองปราบปรามนำขบวน

ผบก.ป.ยันไม่พบศพก็ดำเนินคดีได้

ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุสั้นๆ ว่า แม้ว่าตำรวจจะยังไม่พบศพผู้เสียชีวิต แต่ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของชิ้นส่วนกระดูกที่พบก็เพียงพอในการดำเนินคดีแล้ว

ซัดบรรยิน–ณรงค์ศักดิ์ 2 มือเผา

มีรายงานจากกองบังคับการปราบปรามเพิ่มเติมว่า จากการสอบปากคำนายมานัส และ ด.ต.ธงชัย ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงสายวันที่ 25 ก.พ. ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ให้การรับสารภาพเพิ่ม ทำให้ขณะนี้มีเพียง พ.ต.ท.บรรยิน รายเดียวที่ยังให้การปฏิเสธ โดยคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ที่รับสารภาพตรงกับข้อมูลและพยานหลักฐานที่พบตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเผานั่งยางนายวีรชัย ที่บริเวณเขาใบไม้ โดยผู้ต้องหาให้การว่ามีนายณรงค์ศักดิ์กับ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นคนจัดการ

รอญาติยันหัวเข็มขัด–แหวน

รายงานระบุว่าหลังจากเผาไปแล้วไม่หมด นายณรงค์ศักดิ์ได้เก็บโกยส่วนต่างๆ ที่เป็นเศษเถ้าใส่ถุง รวมทั้งชิ้นส่วนศพที่เหลือจากการเผาใส่ถุง โดยเศษเถ้าและชิ้นส่วนเล็กนำไปทิ้งในพื้นที่ ต.นิคมเขาบ่อแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เป็นเศษกระดูกกว่า 20 ชิ้น ที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม บางส่วนแตกละเอียดผสมกับกองขี้เถ้า รวมทั้งยังพบแหวนที่รูปร่างคล้ายหัวเต่า และหัวเข็มขัดสี่เหลี่ยมที่ยังเผาไหม้ไม่หมดและเชื่อว่าเป็นของผู้ตายรวมอยู่ในจุดนี้ นอกจากนี้ยังพบเศษยางและขดลวดที่ถูกนำมาทิ้งไว้ ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานให้ญาติยืนยันเรื่องหัวเข็มขัดกับแหวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเก็บหลักฐานไปเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอเปรียบเทียบแล้ว

โดรนบิน 5 วัน ถึงพบจุดเผา

มีรายงานว่า ก่อนหน้าจะพบจุดเผาพี่ชายผู้พิพากษาหญิงที่เขาใบไม้ ตำรวจกองปราบปราม ได้นำอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน มาบินพิสูจน์หาจุดเผาศพด้วย โดยพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้างรกร้าง และพื้นที่บางส่วนมีเล้าไก่ แอ่งน้ำ กระทั่งพบจุดเผาศพอยู่ไม่ห่างจากไร่ของนางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาของ พ.ต.ท.บรรยิน ต้องใช้โดรนบิน อยู่กว่า 5 วัน มีรายงานอีกด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้นำชิ้นส่วนกระดูก เศษซากกระดูกจำนวนหนึ่ง ส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจเพื่อตรวจสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอ คาดว่าจะใช้เวลา 3 วัน จะทราบผลการตรวจสอบว่าเป็นของนายวีรชัยหรือไม่

งมพบเพิ่ม 2 ชิ้นส่วนกระดูกคน

วันเดียวกัน ที่ จ.นครสวรรค์ การงมค้นหาศพและหลักฐานในคดียังดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยตำรวจน้ำ และนักประดาน้ำของหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และใกล้เคียงยังคงงมค้นหาชิ้นส่วนศพในแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 3 ต.กลางแดด อ.เมือง นครสวรรค์ จุดทิ้งศพ จนบ่ายพบชิ้นส่วนคล้ายกระดูกจมอยู่บริเวณตอม่อสะพานเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ 7 ชิ้น มี 2 ชิ้นแพทย์ยืนยันเป็นกระดูกมนุษย์ถูกเผาไหม้จนดำ ส่งไปกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจพิสูจน์ ขณะที่การตรวจหาหลักฐานบริเวณวัดไทรใต้ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รอง ผบช.ภ.6 กล่าวว่า ยังไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม แต่ยังต้องค้นหาต่อไป เนื่องจากผู้ต้องหาให้การได้ทิ้งโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และกระเป๋าสตางค์ของคนตาย เช่นเดียวกับจุดทิ้งชิ้นส่วนศพได้พบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ 2 ชิ้น และชิ้นส่วนคล้ายกระดูกจำนวนหนึ่ง แต่ยังต้องงมค้นหาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

พฐ.พบอีกอุปกรณ์เผานั่งยาง

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ก.พ. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนครสวรรค์ เข้าไปตรวจสอบที่ว่างเปล่าหมู่ 5 ต.นิคมเขาบ่อแก้ว อ.พยุหะ จ.นครสวรรค์ ตามคำให้การของ 1 ในคนร้ายอ้างว่าหลังเผาศพนายวีรชัยแล้ว ได้นำอุปกรณ์ที่ใช้เผาทำลายศพ อาทิ แผ่นสังกะสีที่ใช้รองเผาศพ และเศษยางล้อรถยนต์มาทิ้ง พบแผ่นสังกะสี 1 แผ่น มีรอยคล้ายถูกไฟเผา ลวดวงล้อรถยนต์ 1 วง เศษชิ้นส่วนคล้ายกระดูก 2-3 ชิ้น และแหวนคล้ายทอง 1 วง เก็บไว้เป็นหลักฐานส่งไปตรวจพิสูจน์ต่อไป

พบมือถืออีกเครื่องคาดของทีมฆ่า

เวลา 19.20 น. นักประดาน้ำมูลนิธิกวนอูกู้ภัยนครสวรรค์ งมพบโทรศัพท์มือถือซัมซุงฮีโร่ สีดำ 1 เครื่อง พร้อมซิมการ์ดจมแม่น้ำปิงหน้าวัดไทรใต้ ห่างจุดพบโทรศัพท์เครื่องแรกที่คาดว่าเป็นของผู้ตายไม่เกิน 2 เมตร และอยู่ใกล้ตลิ่งมากกว่า คาดว่าเป็นของ 1 ในทีมสังหาร นำส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.นครสวรรค์ เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อส่งเข้ากองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบต่อไป

ถอนประกันบรรยินคดีโอนหุ้น

เย็นวันเดียวกัน มีรายงานว่า ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง 63 ศาลมีคำสั่งกรณีที่เจ้าพนักงานศาลยุติธรรมรายงานเสนอต่อศาลเกี่ยวกับคำสั่งปล่อยชั่วคราว ในคดีที่อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นจำเลยที่ 3 ร่วมกับพวก รวม 4 คน ในคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง คดีนี้ พ.ต.ท.บรรยินได้รับการปล่อยชั่วคราวอยู่ ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค.63 แต่เนื่องจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ได้ยื่นคำร้องฝากขัง พ.ต.ท.บรรยินกับพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานฯ และข้อหาอื่น และได้ออกหมายขัง พ.ต.ท.บรรยิน ในชั้นฝากขังระหว่างการสอบสวน ศาลอาญากรุงเทพใต้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ต.ท.บรรยินมีพฤติการณ์ก่อให้เกิดอันตราย หรือข่มขู่ผู้อื่น มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตการปล่อยชั่วคราว พ.ต.ท.บรรยินและให้ออกหมายขังจำเลยไว้ พร้อมกับให้มีหนังสือแจ้งนายประกัน และ พ.ต.ท.บรรยินคดีโอนหุ้นทราบคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวคดีดังกล่าวด้วย

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0