"สมศักดิ์" ยก "เผาบ้านเผาเมือง-นิรโทษฯ สุดซอย" เป็นเหตุทหารยึดอำนาจ ถามอยากกลับไปเสี่ยงอีกหรือไม่ ย้ำเสียงหนุน "พลังประชารัฐ" อยู่ที่ประชาชน แนะติดตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่สนามฟุตบอลกรีนฟิลด์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เชิญทีม ฒ.หัวหมาก ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเพื่อนนายสมศักดิ์ อาทิ นายสรวุฒิ เนื่องจํานงค์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลกับทีมสื่อมวลชนสายการเมืองนัดกระชับมิตรเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานเป็นกันเอง
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดใจระหว่างรับประทานอาหารกับสื่อมวลชน เกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง ว่า ปี 2553 เป็นปีแห่งความวุ่นวายที่สุด สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ มีการเผาสถานที่ราชการและห้างสรรพสินค้า ใช้อาวุธจนทหารต้องออกมาควบคุมสถานการณ์ ก่อนที่รัฐบาลในขณะนั้น ต้องยุบสภาและจัดการเลือกตั้งจนได้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาบริหารประเทศ แต่ก็เกิดการชุมนุมประท้วงอีกครั้ง หลังสภาผู้แทนราษฎรใช้เวลาเพียงคืนเดียว ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม 3 วาระรวด จากนั้นเหตุการณ์การชุมนุมยืดเยื้อบานปลายมาถึง 6-7 เดือน จนสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ถูกกดดันให้ต้องดำเนินการอะไรสักอย่าง จึงเรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยและหารือกัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จนต้องยึดอำนาจ หากวันข้างหน้าหลังการเลือกตั้ง เหตุการณ์จะกลับไปสู่วังวนแบบเดิม เชื่อว่าไม่มีใครพึงปรารถนา ดังนั้นคำที่ถูกด่าว่าเป็นเผด็จการนั้น สามารถชดเชยกับสิ่งที่ประเทศได้ในวันนี้หรือไม่ เราจะกลับไปเสี่ยงอีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าคิด ส่วนคำถามที่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้เสียงสนับสนุนกี่เสียงในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนและสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตาม