โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"สมพงษ์"ซัดนายกฯล้มเหลว 5 ประการ

new18

อัพเดต 24 ก.พ. 2563 เวลา 09.38 น. • เผยแพร่ 24 ก.พ. 2563 เวลา 08.30 น. • new18
“สมพงษ์“เปิดซักฟอกระบุนายกฯไม่ไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป เหตุความล้มเหลว 5 ประการ คือ 1.ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย 2.ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ 3.ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 4.ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และ 5.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี

*"สมพงษ์"เปิดซักฟอกระบุนายกฯไม่ไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไป เหตุความล้มเหลว 5 ประการ คือ  1.ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย 2.ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ  3.ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ  4.ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และ  5.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี *

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันแรก โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร   ได้กล่าวถึงสาระสำคัญที่เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล  ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล รมว.กลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย  5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ  และ 6.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปราย ดังนี้

1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล รมว.กลาโหม เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง  เป็นผู้นำประเทศที่กร่างเถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่าง ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจของตนเอง ปล่อยให้มีการทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้อง เข้าข้างคนชั่วที่เป็นพวก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถ ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ และองค์กรในกระบวนการยุติธรรม เรียกได้ว่าเป็นยุคยุติธรรมหมดตรง บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาค ไม่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผย ไม่มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง  ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมือง โดยมิได้คำนึงถึงภาระด้านงบประมาณของประเทศ เป็นยุคที่เงินกำลังจะหมดคลัง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ ไม่เสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน แต่กลับสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้าง ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจกับประชาชนทุกภาคส่วน จนก่อให้เกิดสภาพ "รวยกระจุก จนกระจาย" ประชาชนสิ้นหวัง ให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลอกลวงประชาชน ไม่ทำตามนโยบายที่พรรคการเมืองที่สนับสนุนตนหาเสียงไว้ ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตร และการลดภาษีเงินได้ ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลกระทบและความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู น้ำกำลังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง จนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้

2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมาย ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐจำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระ และไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวาง จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยมิใช่อำนาจหน้าที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่ และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

6.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ฝ่ายค้านจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถือเป็นการอภิปรายที่มีความสำคัญ ที่ฝ่ายค้านจะดำเนินมาตรการสูงสุดเพื่อตรวจสอบรัฐบาล และตั้งข้อกล่าวหาต่อรัฐบาลว่า  ไม่อาจไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้ เนื่องจาก ความไร้ประสิทธิภาพ และความล้มเหลวในการบริหารประเทศรวมทั้ง ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น การเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งได้ก่อให้เกิด ความล้มเหลว 5 ประการต่อประเทศชาติ ดังต่อไปนี้ ประการที่ 1ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ประการที่ 2 ความล้มเหลวในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ  ประการที่ 3ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ประการที่ 4ล้มเหลวในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ประการที่ 5ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้คำพูดที่สะท้อนวุฒิภาวะทั้งทางปัญญาและอารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในหลายๆ วาระ ที่นอกจากจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังยิ่งสร้างปัญหาเพิ่มเติมขึ้นไปอีก หลายครั้งคำพูดนั้นก่อให้เกิดผลกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสังคมโลกด้วย เช่น การพูดถึงนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษสองคนถูกฆาตกรรมบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี  และล่าสุดเป็นความสะเทือนใจของคนไทยทั้งประเทศที่เห็นท่าที การแสดงออกทั้งทางคำพูดและการแสดงออกที่ผิดกาลเทศะจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญกราดยิงที่โคราช การแสดงออกของ พล.อ.ประยุทธ์ได้สื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้นำประเทศ ที่น่าอับอาย จึงไม่อาจไว้วางใจให้ท่านซึ่งประกาศตัวว่ามีเซลล์สมอง 84,000 เซลล์ บริหารประเทศต่อไปได้ ท่ามกลางความล้มเหลวต่อความเชื่อมั่นของประชาชนส่วนใหญ่ในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีคนนี้

"โดยสรุปจากที่กล่าวมาทั้งหมด รวมทั้งข้อมูลรายละเอียดต่างๆที่เพื่อนสมาชิกฝ่ายค้านจะได้อภิปรายหลังจากนี้ ผมจึงไม่อาจไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์  และรัฐมนตรีที่มีชื่ออยู่ในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ บริหารประเทศต่อไป เพราะตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ผมไม่เห็นศักยภาพของท่านทางด้านการบริหาร หรือเป็นนักยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ผู้นำประเทศควรจะมี แต่ผมกลับเห็นท่านซึ่งอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีทำได้เพียงแค่นักธุรการทั่วไป ทำหน้าที่เพียงแค่ใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดิน แต่ไม่รู้จักวิธีหารายได้เข้าประเทศ บริหารประเทศบนพื้นฐานของอารมณ์และความรู้สึก แต่มิได้บริหารบนพื้นฐานของความรู้ ดังนั้นผมไม่อาจไว้วางใจท่านให้บริหารประเทศแล้วทำให้ลูกหลานของเราในอนาคต ต้องรับมอบประเทศไทยที่เป็นซากปรักหักพังต่อจากคนรุ่นเรา ผมจึงกล่าวหาท่านด้วยความล้มเหลวทั้ง 5 ประการ และไม่อาจไว้วางใจให้ท่านบริหารประเทศต่อไปได้ ซึ่ง ส.ส.ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร จะให้รายละเอียดต่อจากผม"นายสมพงษ์ กล่าว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0