'สมคิด' รับเศรษฐกิจไทยซบเซา แต่ไร้ฟองสบู่แตก

วันนี้ (15 พ.ย.62) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อประเมินเกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจไทย รวมถึงหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุม

นายสมคิด ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ พร้อมทั้งได้ชี้แจงว่าเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัอยู่ในขณะนี้ เกิดจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี จึงสั่งการนายอุตตม จัดเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรองรับเอาไว้ และจะนำมาใช้ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมา เพราะปีหน้าไทยจะหวังพึ่งการส่งออกไม่ได้มาก

แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในภาวะซบเซาแต่ก็ไม่ใช่ภาวะฟองสบู่แตก หรือ วิกฤตเศรษฐกิจ และขณะนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณแรงส่งการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากอำนาจการซื้อเริ่มมีมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ที่เพิ่งเริ่มเห็นผล 

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้ดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีให้เข้าเป้า แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องหาวิธี ที่จะไม่ทำให้บันทอนการบริโภคของประชาชน 

นายสมคิด ยังได้กล่าวถึงกรณี สภาเศรษฐกิจโลก หรือ WEF ระบุว่า ไทยมีความเสี่ยงเศรษฐกิจฟองสบู่ว่า การนำเสนอข่าวต้องมีความระมัดระวังเพราะเป็นช่วงเปราะบาง และเป็นเรื่องผลกระทบความเชื่อมั่นของคน เพราะหากความเชื่อมั่นไม่มี ก็จะไม่เกิดการลงทุนใหม่ขึ้น การบริโภคก็จะไม่มี ซึ่งไทยยังไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดนั้น แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาการค้าโลกบ้าง 

พร้อมทั้งย้ำว่า รายงานของ WEF ที่ระบุว่าไทยกำลังมีความเสี่ยงนั้น เป็นการทำแบบสำรวจจากนักธุรกิจไทยที่บอกว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ไทยมีความเสี่ยงในด้านใดบ้าง จึงได้ผลสรุปออกมาว่า เป็นความเสี่ยง 5 อันดับแรก ได้แก่ เศรษฐกิจฟองสบู่ ความล้มเหลวของรัฐบาล การโจมตีทางไซเบอร์ ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโดยมนุษย์ และความไม่มั่นคงทางสังคม ซึ่งทั้งหมดเป็นความกังวลในอีก 10 ปีข้างหน้า ไม่ได้หมายความว่าไทยมีความเสี่ยงสูงในการเกิดเศรษฐกิจฟองสบู่

นายสมคิด ยังกล่าวว่า ขณะที่มีนักธุรกิจต่างประเทศ 2 ราย เข้ามาแสดงเจตจำนงว่าต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ได้แก่ ไมโครซอฟท์ และอเมซอน จากสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนิมิตหมายที่ดีว่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกไม่ได้ดีเท่าที่ควร แต่นักลงทุนต่างชาติยังต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอยู่

ด้านนายอุตตม กล่าวว่า งบปี 63 จะเริ่มใช้ในช่วงเดือนก.พ.63 ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องเตรียมมาตรการกระตุ้นกระเศรษฐกิจเพื่อนำมาใช้ดูแลเศรษฐกิจในยามจำเป็น โดยขณะนี้กระทรวงฯได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สภาเศรษฐกิจโลกชี้ประเทศไทยเสี่ยงฟองสบู่แตกสูงสุด

เกาะติดข่าวที่นี่ 

website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand