โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สมคิด การันตีรัฐบาลพรรคร่วมไม่มีปัญหาผลักดันเศรษฐกิจ

ไทยโพสต์

อัพเดต 27 มิ.ย. 2562 เวลา 06.28 น. • เผยแพร่ 27 มิ.ย. 2562 เวลา 06.28 น. • ไทยโพสต์

27 มิ.ย. 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ว้าวถูกใจทุก Gen” ว่าการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จาก 3.8% มาอยู่ที่ 3.3% ว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวเหมือนกับตามเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าการเมืองที่ชัดเจนและจะมีครม.ใหม่ในไม่ช้าจะทำให้การสานต่อนโยบายการทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนทุกอย่างให้เป็นปกติ 

ส่วนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 จะล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งภาครัฐจะพยายามเร่งการเบิกงบลงทุนของโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งพรรคร่วมทุกพรรคต่างเห็นความสำคัญของการลงทุน หากล่าช้าเกินไปประเทศเพื่อนบ้านจะแซงได้

“ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแรงมาก ตลาดหุ้นขยับขึ้นต่อเรื่อง ค่าเงินบาทแข็งค่าสะท้อนเศรษฐกิจยังดี และพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังรองรับปัจจัยเสี่ยงที่ผ่านมาได้ดี ยังมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่าขณะนี้เป็นรอยต่อของรัฐบาลเดิมและรัฐบาลชุดใหม่ โครงการขนาดใหญ่บางโครงการต้องรอการตัดสินใจ เดินหน้ายังไม่ได้สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของหลายสำนักออกมาไม่ดี เป็นสิ่งที่อยู่ในการคาดการณ์ไว้ เพราะตั้งแต่มีการเลือกตั้งปัจจัยหลายด้านชะลอตัวลง” นายสมคิด กล่าว

ส่วนความกังวลในเรื่องเสถียรภาพในการทำงานของรัฐบาลใหม่ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคนั่งในทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่พรรคเดียวเหมือนรัฐบาลชุดปัจจุบันนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะทุกพรรคการเมืองมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศเช่นเดียวกัน เชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

นายสมคิด ยังกล่าวถึงการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (ไอเอ็มดี) ที่ดีขึ้นนั้น เกิดจากการพัฒนาของภาครัฐ ขณะที่ภาคเอกชนเริ่มมีขีดความสามารถปรับตัวลดลง ดังนั้น จึงต้องการเห็นเอกชนรายใหญ่และรายเล็กร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตนเองให้ดีขึ้น และขอให้สหพัฒน์ฯเป็นแกนนำในการผลักดันส่งเสริมโครงการธงฟ้าประชารัฐเพื่อกระตุ้นการจับจ่าย และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้ได้ซื้อของถูกและมีคุณภาพต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0