สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 / ปี 2562 / และแนวโน้มปี 2563
โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี 2562 ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.6 โดยรวมทั้งปี 2562 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 2.4 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 4.2 ในปี 2561
ปัจจัยกดดันในไตรมาสที่ 4 มาจากประเด็นต่างๆ ได้แก่
(1) เศรษฐกิจโลกขยายตัวในเกณฑ์ที่ต่ำ จากความไม่แน่นอนมาตรการกีดกันทางการค้า และเงินบาทแข็งค่า
(2) ความล่าช้าของการผลักดันงบประมาณ
(3) ปัญหาภัยแล้ง และปัจจัยชั่วคราวในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการ
แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2563
เศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2.5 ชะลอตัวลงจากปี 2562 จากปัจจัยเสี่ยงสำคัญได้แก่
(1) การระบาดของไวรัสโควิด-19
(2) ปัญหาภัยแล้ง
(3) ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่าย
อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ประเมินว่ายังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
(1) การปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ของเศรษฐกิจและการค้าโลก ตามการลดลงของแรงกดดันจากมาตรการกีดกันทางการค้า และกรณีอังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิก EU
(2) การขยายตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ
(3) แรงขับเคลื่อนจากมาตรการของภาครัฐ
(4) ฐานการขยายตัวที่ต่ำในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562
สภาพัฒน์ฯ คาดว่าในปี 2562 การส่งออกสินค้าจะขยายตัว 1.4% การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 3.5% และการลงทุนรวมขยายตัว 3.6% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.4 – 1.4 % และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5.3% ของ GDP
ทั้งนี้สภาพัฒน์ ระบุเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่ 1% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 0.4% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 10.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 7.2% ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ 224.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 มีมูลค่าทั้งสิ้น 6,954 พันล้านบาท คิดเป็น 41.2% ของ GDP