กระทรวงสาธารณสุข มอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังและให้ความรู้แก่ประชาชนและสถานศึกษาในการป้องกันโรคตาแดงตลอดช่วงฤดูฝน หลังจากที่ในปีนี้พบผู้ป่วยแล้วมากกว่า 50,000 คน
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูฝนจะพบผู้ป่วยโรคตาแดงจากเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น และมักพบการระบาดในสถานที่ที่มีคนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานที่ทำงาน ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 16 กรกฎาคม 2561 พบผู้ป่วยแล้ว 50,750 ราย อัตราป่วยสูงสุด 5 จังหวัดแรก ได้แก่ อุบลราชธานี แม่ฮ่องสอน เชียงราย ปราจีนบุรี และเชียงใหม่ คาดว่าผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นตลอดฤดูฝน จึงมอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเฝ้าระวังการแพร่ระบาด เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อได้ทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในเด็กจะติดต่อกันง่ายขึ้นจากการเล่น คลุกคลีใกล้ชิดกัน
โรคตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย ติดต่อกันได้ง่ายจากการสัมผัสน้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วยตาแดง ที่ติดอยู่ตามพื้นผิวสิ่งของต่างๆ ขณะที่ยังไม่แห้ง เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะทำงาน แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ราวจับรถเมล์ การใช้ของส่วนตัวร่วมกันกับผู้ป่วยเช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หรือถูกน้ำหรือสิ่งสกปรกเข้าตา เมื่อเชื้อโรคเข้าตาจะทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง มีขี้ตามาก หนังตาบวม ปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ อาจเป็นข้างหนึ่งข้างใดหรือเป็นทั้ง 2 ข้าง โรคนี้ติดต่อกันจากการสัมผัสมากที่สุด ดังนั้นในการป้องกันโรคตาแดง ทำได้โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้า ขยี้ตา ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยตามแดง เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา และเครื่องนอน รักษาความสะอาดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด
โรคตาแดงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ใช้การรักษาตามอาการ คือใช้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการระคายเคือง แต่หากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ขี้ตาจะมีสีเหลืองหรือเขียว ต้องใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาเพื่อฆ่าเชื้อ ดังนั้นหากป่วยเป็นตาแดง ขอให้ปฏิบัติตัวดังนี้
1.ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเนื่องจากเชื้อจะสะสมที่ผ้าเช็ดหน้า และแพร่ไปติดคนอื่นได้ ให้ใช้กระดาษนุ่มๆ ซับน้ำตา หรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดขี้ตาและบริเวณเปลือกตา แล้วทิ้งในถังขยะที่มิดชิด
2.งดใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าตาจะหายอักเสบ และใส่แว่นกันแดดเพื่อลดการระคายเคืองจากแสง
3.ไม่ควรใช้ยาหยอดตาร่วมกัน เนื่องจากเชื้ออาจติดอยู่ที่ปากขวดยาหยอดตาได้ ที่สำคัญคือต้องหยุดเรียน หรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน และพักการใช้สายตา ส่วนใหญ่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น และหายภายใน 1-2 สัปดาห์ หากมีอาการปวดตารุนแรง ตาพร่ามัว หรืออาการตาแดงไม่ทุเลาภายใน 7 วัน ขอให้ไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน
…
สาธารณสุข
