กรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยาสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ บอกว่า ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับนี้ เพราะเป็นการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกักตัวผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคโควิด-19 และหากผู้ป่วยปฏิเสธการรักษาจะมีความผิดตามกฎหมาย ถือเป็นการแก้ไขหลังจากที่เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยปฏิเสธการรักษามาแล้ว ถือว่าอันตรายมาก แต่ช่วงนั้นไม่มีกฎหมายนี้บังคับใช้ ทำให้หากกักตัว ผู้ป่วยจะฟ้องกลับได้ ประกาศนี้จึงเอื้อให้เจ้าหน้าที่และแพทย์ทำงานง่ายขึ้นในการควบคุมรักษาผู้ป่วย พร้อมยืนยันว่าจะประกาศยกระดับการระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยตามความเป็นจริงและเชื่อว่าการระบาดในไทยจะขึ้นสู่ระดับ 3 ที่เป็นการระบาดในคนหมู่มากและไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าติดโรคมาจากที่ใด เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ไปเร็วถึงขั้นนั้น ขอให้คนไทยตรวจสอบประเทศปลายทางที่จะไปในช่วงนี้ว่ามีมาตรการใดหรือไม่ เช่น ประเทศอิสราเอลจะกักตัวคนไทยเข้าห้องกักกัน 14 วัน จึงขอให้พิจารณาให้ดีก่อนเดินทาง ส่วนคนไทยที่กลับจากต่างประเทศให้กักกันตัวเองในบ้าน 14 วันเช่นกันและต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้คนในบ้าน
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี บอกด้วยว่า การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยราคา 50,000-60,000 บาท เป็นไปไม่ได้ หากพบให้ส่งเรื่องมาที่กรมการแพทย์ แต่หากป่วยด้วยโรคนี้จริงค่ารักษาในระดับราคานี้ ก็ถือว่าเป็นไปได้ ส่วนการนำแอนตี้บอดี้ของคนขับรถแท็กซี่ที่เคยเป็นโรคนี้มารักษาผู้ป่วย 2 ราย รายหนึ่งแม้มีแนวโน้มดีขึ้น แต่อาการยังทรงตัวในขั้นวิกฤติ ส่วนอีกรายอาการทรงตัวเช่นกันและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พร้อมปฏิเสธว่าจะไม่มีการนำเข้าวัคซีน แต่จะเน้นพัฒนาวัคซีนเอง โดยนำแอนตี้บอดี้มาวิจัยพัฒนาเท่าที่จำเป็น ส่วนวิธีการรักษาอื่นจะต้องรักษาตามอาการ, ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวีและไข้หวัดใหญ่
….
แฟ้มภาพ
