โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

RCL ขึ้นแท่นหุ้นเดินเรือสุดฮอต ในวันที่กำไรยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 02.28 น. • เผยแพร่ 21 พ.ค. 2564 เวลา 08.45 น. • This’s Alano

หุ้นกลุ่มเดินเรือถือว่าได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างมาก จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น หลังได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางที่เป็นขาขึ้น เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญานการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้ความต้องการของสินค้าโภคภัณฑ์ และกิจกรรมทางการค้าที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้น
ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเดินเรือ โดยหนึ่งในหุ้นที่น่าจับตาอย่าง บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL ก็เช่นกันที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง โดยล่าสุดรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ที่ระดับ 2,941.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 12.25 ล้านบาท
ทั้งนี้มีสาเหตุมาจาก เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ปริมาณการขนส่งตู้สินค้าของบริษัทเดิบโต 6%เป็นจำนวน 517,000 ตู้ในไตรมาส 1/2564 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 489,000 ตู้ ขณะที่ ระวางเฉลี่ยในไตรมาส 1/2564 ปรับสูงขึ้นเป็น 13,795 บาทต่อตู้ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8,588 บาทต่อตู้
ขณะเดียวกัน RCLรายงานว่า บริษัท ริจิแนล คอนเทนเนอร์ ไลน์ พีทีอี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งจำนวน และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศสิงคโปร์ ซื้อเรือจำนวน 1 ลำ อายุงาน 16 ปี ขนาด 2700 TEU มีมูลค่าการซื้อรวม 554,686,550 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐฯเท่ากับ 31.427 บาท)
สำหรับ RCLเป็นสายการเดินเรือที่ประกอบธุรกิจขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางทะเลที่มีฐานประกอบกิจการในประเทศไทย ดำเนิน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ 1. Shipper Owned Container 2. Carrier Owned Container และ 3. การให้บริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มในด้านโลจิสติคส์ โดยมีเครือข่ายสำนักงานที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาบสมุทรเอเชียใต้ และตะวันออกกลาง

ไตรมาส 2 กำไรโตได้อีก

ด้านมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 จะเติบโตขึ้นจากไตรมาสแรกและจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากค่าระวางเรือ และlifting volume ที่สูงขึ้นในไตรมาส 2/2564 จากช่วงไฮซีซั่นของการส่งออก ซึ่งค่าระวางเรือ SCFI ในไตรมาส 2/2564 คาดจะเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 220% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามคาดว่าค่าระวางเรือจะปรับลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 มาอยู่ระดับเฉลี่ยที่ 380 ดอลลาร์ฯ/TEU ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากปัญหาท่าเรือแออัดและตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรเทาลงหลังสหรัฐฯ และยุโรปควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ไว้ได้ รวมทั้งผู้ผลิตตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศจีนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น
ทั้งนี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564ขึ้น 46% มาอยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 1,744.79 ล้านบาท และปี 65 ปรับขึ้น 35% มาอยู่ที่ 4 พันล้านบาท เพราะปรับเพิ่มประมาณการค่าระวางเรือของ RCL ปี 2564 ขึ้น 15.6%มาอยู่ที่ 415 ดอลลาร์ฯ/TEUและปี 65 ปรับขึ้น 17.1% มาอยู่ที่ 300 ดอลลาร์ฯ/TEU เพื่อสะท้อนค่าระวางเรือที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 1/2564 และ 2/2564
โดยคาดว่าค่าระวางเรือจะลดลงมาอยู่ระดับเฉลี่ยที่ 380 ดอลลาร์ฯ/TEU ช่วงครึ่งหลังของปี2564 จากปัญหาความแออัดของท่าเรือที่บรรเทาลงในสหรัฐฯ และยุโรป จากการฉีดวัคซนี และการเพิ่มกำลังการผลิตของผู้ผลิตตู้คอนเทนเนอร์ ดังนั้น เราจึงคาดว่าปัญหาอุปทานขาดแคลนจะรุนแรงน้อยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 และค่าระวางเรือจะลดลงอีกในช่วงครึ่งหลังของปี2564 เช่นกัน อย่างไรก็ดีเราคาดว่าค่าระวางเรือจะสูงกว่าระดับก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 จากกระแสการซื้อขายทั่วโลกและ order book ratio ของการสร้างเรือที่อยู่ระดับต่ำที่ 12% ของจำนวนเรือทั่วโลก
คงคำแนะนำ "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 42.00 บาท คำนวณด้วย PBV ที่ 1.55 เท่า (+3SD ของระดับเฉลี่ยในอดีต) และ BVPS เฉลี่ยปี 2565-66 ที่ 27.00 บาท (เพิ่มขึ้นจาก 24.00 บาท /หุ้น) เพราะเราปรับปีฐานราคาเป้าหมายเป็นกลางปี 2565 ทั้งนี้ปรับลดเป้า PBV ลงเป็น 1.55 เท่า (+3SD) จาก 1.8 เท่า (+4SD) ของระดับ เฉลี่ยในอดีต เพราะคาดว่า ROE จะลดลงในปี 2565-66 จากระดับในปี 2561
คำแนะนำ "ถือ" ของเราสะท้อน upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายของเราและค่าระวางเรือมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้น 190% YTD สะท้อน ข่าวดีส่วนใหญ่แล้ว ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ค่าระวางเรือที่ผันผวน ปัญหาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนและค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0