นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยหลังฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท ระบุไม่รู้สึกแปลกใจกับผลการวินิจฉัย ทิศทางการเมืองหลังจากนี้กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 16 คน (เป็น ส.ส. 11 ราย ไม่ได้เป็น ส.ส. 5 ราย) ก็ถูกตัดสิทธิไปตามคำวินิจฉัย เหลือกรรมการบริหารพรรคอีก 39 คน จะต้องหาพรรคใหม่เพื่อเข้าสังกัดภายใน 60 วัน จะไม่มีการเลื่อนผู้อื่นขึ้นมาทดแทนเพราะเป็นความผิดในการถูกยุบพรรค ไม่ใช่ความผิดจากการกระทำความผิดทางกฎหมายการเลือกตั้ง ส่วนคะแนนเสียงของประชาชนที่เคยลงให้พรรคอนาคตใหม่นั้นก็ถือว่าต้องสูญหายไปโดยปริยาย เป็นไปมาตรา 92 ของรัฐธรรมนูญ
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันจันทร์(24 ก.พ.) ที่จะถึงนี้ แน่นอนว่ากรรมการบริหารพรรค 11 ราย จะไม่สามารถอภิปรายได้ แต่ที่เหลือยังทำได้ตามปกติ
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองอื่นนั้นก็มีการกู้ยืมเงินเช่นกันนั้น จะสามารถเช็กบิลย้อนหลังได้หรือไม่ นางสดศรีระบุว่า หากเป็นการกู้ยืมภายใต้กฎหมายปี 50 นั้นไม่ถือว่าผิดอะไร แต่สำหรับกรณีนี้ถือเป็นการกู้ยืมภายใต้กฎหมายปี 60 จึงต้องเป็นไปตามบรรทัดฐานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มองว่า “เงินกู้” ไม่เข้าข่ายรายได้ 7 แหล่งของพรรคการเมืองตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 62 ซึ่งเป็นการตีความตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด จากนี้ทาง กกต.จะยื่นฟ้องคดีอาญาต่อไปหรือไม่ก็ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของ กกต.
การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ตนถือว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานว่า “เงินกู้ยืม” ถือว่าเป็น “เงินบริจาค” พรรคการเมืองหากทำแบบนี้ก็ต้องยึดถือไปตามบรรทัดฐานนี้ด้วยเช่นกัน
