นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เช่น อาหารแช่เยือกแข็ง อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ เพื่อประเมินสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนว่า เอกชนส่วนใหญ่ประเมินว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกไทยมากกว่าผลกระทบทางลบ โดยกลุ่มอาหารระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ผู้ส่งออกไก่มองว่าจะส่งออกไก่ไปตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น จากการที่จีนออกมาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ซึ่งได้แนะนำให้เร่งขยายโรงงาน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแล้ว เช่นเดียวกับหมู ผลไม้ ที่คาดมีโอกาสส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น
สำหรับอาหารสำเร็จรูปแม้จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อม จากการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม อาจทำให้ราคาวัตถุดิบที่ใช้ทำกระป๋องสูงขึ้น แต่จากการติดตามขณะนี้ยังไม่กระทบมากนัก มีเพียงกลุ่มเดียวที่น่าห่วงคือ สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย ที่เกรงว่าสงครามการค้าจะทำให้ปลาน้ำจืดทะลักเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ก็ได้สั่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
นายภูดินันท์ เศรษฐนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่า เคลื่อนไหว 33.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปลายปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือกับนายเดวิด โบฮิเจียน รองประธานบริหาร Overseas Private Investment Corporation (OPIC) ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อพบหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูลู่ทางการลงทุน ซึ่งรัฐบาลได้ชี้แจ้งให้ทราบถึงโครงการต่างๆที่กำลังเร่งดำเนินการ และเชื่อว่าภายใน 5 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีการพัฒนาที่ก้าวหน้าอย่างโดดเด่น ทั้งการเปิดสนามบินอู่ตะเภา สนามบิน จ.เชียงใหม่ และที่ภูเก็ต แห่งที่ 2 ที่วางแผนจะเปิดให้บริการ รวมทั้งการเปิดศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมการเดินทางสามสนามบิน และรถไฟทางคู่ เป็นต้น.
