โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สงกรานต์แห่งความคิดถึง... เมื่อคนไทยกลุ่มหนึ่งตัดสินใจไม่กลับบ้าน

LINE TODAY

เผยแพร่ 12 เม.ย. 2563 เวลา 17.21 น.

เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงหยุดยาวไม่กี่ครั้งในรอบปี และเป็นเวลาทองของพี่น้องไทยที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน กลับไปใช้เวลากับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บ้างกลับไปรดน้ำดำหัวพ่อแก่แม่เฒ่า คนที่เราเคารพ บ้างกลับไปสังสรรค์ ฯลฯ นอกจากนี้ เรายังคุ้นชินกับภาพข่าวรถติดยาวเหยียดและการเบียดเสียดของพี่น้องตามขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ปีแล้วปีเล่าเหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ 

ทว่าปีนี้ การระบาดของโควิด-19 ทำให้ถนนโล่งผิดตา ผู้คนที่ทำงานต่างถิ่นส่วนหนึ่งก็ให้ความร่วมมือกับรัฐ ตัดสินใจงดการเคลื่อนย้ายตัวเองจากพื้นที่เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ แม้ว่าจะทำให้พวกเขาไม่ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวเหมือนเคยก็ตาม 

1. ป้าเหรียญ แม่บ้านบริษัทเอกชน วัย 62 ปี ชาวนครสวรรค์ จากบ้านมาทำงานในกทม.ร่วม 23 ปีแล้ว ปกติป้าเหรียญกลับบ้านเดือนละ 2 ครั้ง การกลับไปหลัก ๆ ก็เพื่อดูแลพ่อวัย 86 ปี และแม่วัย 81 ปี ที่เริ่มปวดเมื่อยบ่อยและเดินเหินลำบาก แต่เฉพาะสงกรานต์ที่พิเศษกว่าเทศกาลไหน ด้วยญาติพี่น้องจากลพบุรี เพชรบูรณ์ และนครราชสีมา จะมารวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อ ‘อาบน้ำพ่อแม่’ หรือรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่นั่นเอง

“ไม่ได้กลับบ้านมา 2 เดือนแล้ว ก็คิดถึงเขานะ คิดถึงพ่อแม่ พี่น้อง ที่เคยเจอกันทุกสงกรานต์ ป้าโทรหาพ่อแม่วันละ 3-4 ครั้ง บอกเขาตลอดว่าเราคิดถึง เขาอยากได้อะไรเราก็หาให้ ถ้าเขาปวดเมื่อยเขาจะโทรมา วันศุกร์เราก็จะรีบกลับไปนวดให้เขา พอนวดให้ พ่อก็ว่าเขาหาย” อย่างที่โบราณว่า ยาไหนก็ไม่สำคัญเท่ายาใจ เมื่อกำลังใจดี โรคต่าง ๆ ก็พานจะทุเลาลงโดยพลัน… 

“กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทางนั้นแจ้งข่าวตลอดว่าอย่าเพิ่งกลับ เราก็เชื่อเขา โชคดีที่หมู่บ้านเราไม่มีคนติดเชื้อ ทำให้เราเบาใจได้ แต่พ่อก็เริ่มคิดถึงแล้ว เราได้แต่บอกว่า หนูก็คิดถึงพ่อ ทุกคนก็คิดถึงพ่อ ที่ทำได้คงต้องรอให้อะไรดีขึ้นกว่านี้ ช่วงนี้ก็อาศัยโทรหากันบ่อย ๆ ไปก่อน”

2. อีกมุมหนึ่งเราได้คุยกับ เติ้ล เจ้าของธุรกิจหนุ่มไฟแรงวัย 30 ปี จากจังหวัดระยอง ที่เข้ามาเรียนและทำงานในกทม. ร่วม 10 ปีได้แล้ว เติ้ลเป็นคนรักครอบครัว และครอบครัวเขาก็สนิทกันมาก ทั้งพ่อ แม่ พี่สาว น้องสาว และเติ้ล สมาชิกของครอบครัวคนเดียวที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างถิ่น

“ผมกลับบ้านบ่อยนะ เกือบทุกอาทิตย์ แต่พอเปิดบริษัทก็เป็น 2-3 อาทิตย์ครั้งนึง เทศกาลพิเศษของบ้านเราที่จะมาอยู่ด้วยกันก็มีสงกรานต์ ปีใหม่ วันเกิดของทุก ๆ คนครับ ถ้าวันเกิดเป็นวันธรรมดา ก็จะกลับเสาร์-อาทิตย์แทน” 

แต่ปีนี้ไม่เหมือนเดิม และเป็นปีแรกที่เติ้ลไม่ได้กลับบ้านในช่วงสงกรานต์ “ก่อนหน้านี้ก็มีคิดจะกลับ แต่พอรัฐประกาศเรื่องมาตรการต่าง ๆ ว่า เราต้องทำแจ้ง ต้องกักตัว เติ้ลก็ค่อนข้างกังวลครับ เพราะกรุงเทพฯ เชื้อไวรัสมันหนัก และด้วยหน้าที่การงานที่เราต้องเจอคนเยอะ เราไม่รู้เลยว่าเราติดหรือไม่ติด ฉะนั้น ขออยู่กับตัวเองดีกว่า จะได้ไม่เอาเชื้อไปแพร่ให้คนที่บ้านเรา”

   <i>ภาพครอบครัวเติ้ลพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งเป็นวันเกิดคุณพ่อ</i>
   ภาพครอบครัวเติ้ลพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2020 ซึ่งเป็นวันเกิดคุณพ่อ

ความที่ทุกคนในครอบครัวสนิทกัน การติดต่อผ่านทางเครื่องมือสื่อสารหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่ปกติ… “พักหลังนี่พ่อโทรมาบ่อย คงห่วงทั้งเรื่องโควิดและกิจการ ก่อนวางสายเราก็จะบอกเขาว่า เราคิดถึงนะ รักนะ แต่ก็ยังอยากไปอยู่กับครอบครัว ไปนั่งเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เขาฟังตรงนั้น โทรศัพท์มันไม่เหมือนเราได้นั่งคุยกันจริง ๆ น่ะพี่”

นี่กระมังที่เขาว่า เทคโนโลยีเหนือชั้นแค่ไหนก็สื่อสารแทนความรู้สึกเราไม่ได้ และเช่นเดียวกับป้าเหรียญ… เติ้ลต้องรอให้ทุกอย่างดีขึ้น มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ก่อนจะกลับไปเจอครอบครัวอีกครั้ง

3. เวลาพูดถึงคนทำงานต่างถิ่น เรามักคิดถึงคนในพื้นที่อื่น ๆ ที่เข้ามาทำงานในกทม. แต่ความจริงแล้วมีคนกทม.จำนวนไม่น้อยที่ออกจากเมืองหลวงไปทำมาหากินในถิ่นอื่น หนุ่ม ผู้จัดการแผนกบัญชีโรงแรมที่หัวหิน วัย 34 ปี เป็นหนึ่งในนั้น เขาจากบ้านย่านทองหล่อมาทำงานต่างจังหวัดได้ 6 ปีแล้ว ทุกปีจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวในช่วงเทศกาลใหญ่ ๆ และพิษโควิด-19 ทำให้ปีนี้เขาไม่ได้กลับกทม. แต่อาจจะต่างจากครอบครัวอื่นเล็กน้อย

“ปกติบ้านเราไม่ได้มีพิธีรีตองช่วงสงกรานต์ มีไหว้ป๊ากับม้าบ้าง แล้วพากันไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ง่าย ๆ แบบนี้ทุกปี แต่ปีนี้ป๊ากับม้าย้ายไปอยู่จันทบุรีตั้งแต่ก่อนประกาศแล้ว ที่บ้านเลยมีแต่พี่สาวอยู่ แล้วเราว่ากรุงเทพฯ ก็มีความเสี่ยงสูงนะ เลยแยกกันดูแลตัวเองไปก่อน พอป๊าม้าเริ่มเบื่อที่นู่นแล้วอยากกลับกทม.นี่สิ ที่เราจะห่วง” แม้หัวหินจะมีผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ แต่หนุ่มไม่กังวลมากนักด้วยมีวิธีป้องกันตนเองและคนรอบข้างที่รัดกุม สิ่งที่เขากังวลมากกว่าคือ รายได้ของพนักงานระดับล่าง

   <i>หนุ่มกับทะเลหัวหินในวันที่ร้างไร้ผู้คน</i>
   หนุ่มกับทะเลหัวหินในวันที่ร้างไร้ผู้คน

“งานโรงแรมเป็นงานบริการ และโรงแรมเราดีที่ยังจ่ายเงินเดือนเต็มเดือน แต่พนักงานระดับล่างเขาอยู่ได้เพราะเงินทิปด้วยส่วนหนึ่ง พอไม่มีแขกเข้าพัก ไม่มีนักท่องเที่ยว รายได้ตรงนี้ก็หายไป ภาระหนี้สินเขาก็มี ตรงนี้ที่เราห่วงมาก เพราะไม่รู้ว่าเขาจะประคองตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหน ออกไปดูข้างนอกทุกวันนี้ ทุ่มนึงก็เงียบเป็นป่าช้าแล้ว ดีนะ สงบดี ทะเลหัวหินก็สวยแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่อยากให้สงบ ๆ แบบมีลูกค้า” หนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะตบท้าย

4. เราข้ามฝั่งโลกไปคุยกับ อิ๊นท์ พนักงานต้อนรับสายการบินนานาชาติ วัย 23 ปี หลายคนเรียกอาชีพนี้สั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ‘แอร์’ หรือ ‘สจวร์ต’ ~ อิ๊นท์เป็นสาวเมืองนนท์ อาชีพของเธอประจำอยู่ที่ประเทศตะวันออกกลาง เส้นทางการบินคือทั่วโลก และวันหยุดของเธอไม่เหมือนวันหยุดของอาชีพทั่วไป อิ๊นท์ไม่มีเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีวันหยุดยาว ต้องดูตามตารางบินที่ได้รับมอบหมายในแต่ละเดือน และการขอหยุดเพิ่มเติมก็ต้องได้รับการอนุมัติ แต่อิ๊นท์ยังตั้งความหวังว่า เธอจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวในช่วงปีใหม่ วันเกิด และแน่นอน… สงกรานต์

“หนูไม่ได้กลับบ้านมา 4 เดือนแล้วค่ะ แรก ๆ ก็เกิดจากตารางบินของเรา แต่พอต้นมี.ค. รัฐบาลในประเทศที่เราประจำอยู่ประกาศว่า ชาวต่างชาติที่อยู่ที่นี่ มาจากประเทศนี้ ๆ ๆ นะ ถ้าจะกลับบ้านก็กลับได้ แต่ไม่รับรองว่าจะกลับเข้ามาได้อีก ถ้าไม่กลับ ก็ให้อยู่ที่นี่ไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่รัฐเขาระบุมา” ไม่มีใครไม่อยากกลับบ้าน แต่เหตุผลหลายอย่างทำให้อิ๊นท์ตัดสินใจอยู่ต่อ

“กลับไปก็มีความเสี่ยง เราต้องกักตัว พ่อแม่เราอีก น้องเราอีก ก่อนหน้านี้แม่เพิ่งครบระยะกักตัวมา เพราะที่ทำงานแม่มีคนติดเชื้อ และโชคดีที่แม่ไม่พบเชื้อ ตอนนั้นพ่อกับน้องก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติ…

ประสบการณ์พิสูจน์ใจของอิ๊นท์ กับการกักตัวห่างบ้านกว่า 5,000 กม. ที่ความเข้มงวดไม่ต่างจากเมืองไทย
ประสบการณ์พิสูจน์ใจของอิ๊นท์ กับการกักตัวห่างบ้านกว่า 5,000 กม. ที่ความเข้มงวดไม่ต่างจากเมืองไทย

อีกอย่างคือ หนูไม่แน่ใจด้วยว่า ถ้ากลับมาแล้วจะได้กลับไปทำงานอีกไหม อยู่นี่ยังมีเงินเดือน ไม่ต้องกวนที่บ้าน แล้วทุกวันนี้หนูยังมีเที่ยวบินอยู่ แค่ไม่ค่อยได้ค้างคืน เช่น ไปมิลาน (อิตาลี) หรือไปซูริก (สวิตเซอร์แลนด์) บินไปถึงปุ๊บก็ต้องบินกลับเลย จะแบ่งพนักงานเป็นสองชุด ขึ้นเครื่องไปพร้อมกัน ขาไปชุดนี้ให้บริการ ขากลับเป็นอีกชุด สลับกันพัก ล่าสุดหนูได้ไปกทม.มานะ แม่ก็เตรียมอาหารไว้ให้ แต่ตอนนั้นสนามบินที่ไทยเพิ่งเริ่มปิด เลยไม่ได้เจอแม่ ได้แต่อยู่ข้างใน รอบินกลับเลย”

การตัดสินใจของอิ๊นท์นับว่าโตเป็นผู้ใหญ่ทีเดียว แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็ยังคิดถึงบ้าน และพยายามหาอย่างอื่นทำเพื่อลดทอนความคิดถึงนั้น “ถ้ากลับได้เมื่อไรหนูกลับเลยแน่นอน คิดถึงที่บ้าน ไม่ได้คิดถึงครอบครัวเราอย่างเดียวนะพี่ หนูคิดถึงสภาพแวดล้อมบ้านตัวเองทั้งหมดเลย อยากกลับไปที่ที่เราคุ้นเคย ที่เรารู้สึกอบอุ่น ให้หัวใจเรามีแรงที่จะเดินต่อไปได้

ประโยคนี้ของอิ๊นท์ทำเราจุกเบา ๆ เก่งมาจากไหนก็ต้องมีปลายทางเป็น ‘บ้าน’ กันทุกคน แค่บ้านของแต่ละคนอาจมีรูปโฉมที่ต่างกัน…

มีคนอีกมากมายที่ไม่ได้กลับบ้านในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาหวังจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในเร็ววัน ~ บางทีโควิด-19 อาจกำลังบอกเราว่า จงใช้เวลากับคนที่คุณรักและรักคุณให้คุ้มค่าเมื่อยังมีโอกาส เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเหตุฉุกเฉินหรืออุปสรรคใด ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อไร

สุขสันต์เทศกาลปีใหม่ไทย ขอให้ทุกคนและทุกครอบครัวมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง ปลอดภัยจากโรคภัยทั้งปวง :)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0