ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นวิกฤติไปแล้วสำหรับการโจมตีไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในทุกภาค หลายจังหวัดฯต่างมีมาตรการบังคับใช้ในพื้นที่ แต่สุดท้ายก็ต้องพลาดให้กับไวรัสมหาภัยจนได้ อย่างไรก็ตามยังมีจังหวัดที่ไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้ออยู่ 14 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ,ชัยนาท ,ตราด ,น่าน ,บึงกาฬ ,พังงา ,พิจิตร ,ระนอง ,ลำปาง ,สกลนคร ,สตูล ,สมุทรสงคราม ,สิงห์บุรี ,อ่างทอง. (นับจนถึงวันที่ 31 มี.ค.) ทั้ง 14 จังหวัดกำลังถูกเฝ้ามองจากคนไทยทั้งประเทศ พร้อมส่งกำลังใจให้พวกเขาผ่านวิกฤติอันเลวร้ายนี้ไปให้ได้
ทั้งนี้มีคำถามว่า 14 จังหวัดที่ยังรอดไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดฯมีมาตรการอะไรถึงทำให้พวกเขาสามารถต้านการแพร่ระบาดในพื้นที่ได้ วันนี้ขอยกตัวอย่างมาตรการของ จ.สกลนคร ภายใต้การบัญชาการศึกของนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.สกลนคร ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสกลนคร ได้ออกประกาศจังหวัดสกลนคร ฉบับที่ 7/2563 เรื่องปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว จังหวัดจำเป็นต้องใช้มาตรการเฝ้าระวัง-ควบคุม-ป้องกันอย่างเข้มข้น โดยใช้ประกาศให้ปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.- 16 เม.ย.63 ได้แก่ ร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุรา ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ที่ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสุราตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 โดยสามารถจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นได้ ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2563 หลังจากที่มีประกาศดังกล่าวออกมาเหล่าผู้ประกอบการร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจังหวัดฯต่างออกมาขานรับแนวทางปฏิบัติตามประกาศฯที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ก่อนหน้าก็ได้มีประกาศปิดตลาดนัดโค-กระบือ แหล่งท่องเที่ยว สถานที่ที่มีคนมารวมตัวกันมาก ๆ ไปแล้ว
ในส่วนของการตั้ังจุดตรวจ จ.สกลนคร ตั้งด่านหลัก 50 จุด ด่านรอง 23 จุด แยกเป็นเขตรอยต่อแต่ละจังหวัด ดังนี้ 1.ติดกับจังหวัดนครพนม ด่านหลัก 11 จุด รอง 18 จุด รวม 29 จุด 2.ติดกับจ.บึงกาฬ ด่านหลัก 5 จุด รอง 4 จุด รวม 9 จุด 3.ติดกับ จ.กาฬสินธุ์ ด่านหลัก 9 จุด 4.ติดกับ จ.อุดรธานี ด่านหลัก 24 จุด รอง 1 จุด รวม 25 จุด 5.ติดกับ จ.มุกดาหาร ด่านหลัก 1 จุด
นายชัยมงคล ไชยรบ นายกสกลนคร กล่าว่า อยากเห็นท้องถิ่นในจังหวัดเป็นจังหวัดนำร่องในการดูแลประชาชน เราไม่ต้องรอคำสั่งอย่างเช่นการเอกซเรย์พื้นที่วันนี้หากคนท้องถิ่นช่วยกันเอกซเรย์ในเบื้องต้น ตรวจสอบคนในเทศบาล อบต.ว่าใครควรเผ้าระวัง หน้าที่สำคัญคือ 1.หาเครื่องมือในการวัดไข้ให้ อสม. 2. หาเจลล้างมือฆ่าเชื้อให้ชุมชนและทุกหมู่บ้าน จากนั้นหากมีตรงไหนขาดเหลือหากจังหวัดสกลนครมีคำสั่งมอบหมายให้ อบจ. สนับสนุนท้องถิ่นขนาดเล็กทุกอย่างก็เดินหน้าได้เร็ว
หากท้องถิ่นในทุกท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนันของจังหวัดจับมือกันแก้ปัญหาการระบาดโควิดจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว หมู่บ้าน อบต. หรือเทศบาลแต่ละที่มีอาสาสมัคร อสม.อยู่แล้ว เมื่อ อสม.มีเครื่องมือวัดไข้ก็ให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องวัดไข้ไปวัด หากมีไข้สูงมีประวัติใกล้ชิดกับบุคคลเสี่ยงก็แนะนำให้ไปพบแพทย์ ในส่วนของหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านก็ควรสแกนคนเข้าออกต้องทำเหมือนการเฝ้าระวังช่วง 7 วันอันตราย คนไป-คนมาจับวัดไข้-ทำประวัติไว้เพื่อง่ายต่อการติดต่อติดตาม ทุกคนต้องเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการ ทำได้แบบนี้จะสามารถเฝ้าระวังป้องกันโควิดได้ทุกพื้นที่ของจังหวัด ที่สำคัญทุกท้องถิ่นต้องจับมือกัน ใช้เวลาไม่เกิน 3 วันทุกพื้นที่ของจังหวัดฯปัญหาไวรัสโควิด-19 ไม่มีแน่นอน เราต้องแสดงให้เห็นว่า อบต.เทศบาล อบจ. สามารถเป็นที่พึ่งให้กับพี่น้องประชาชนได้ในภาวะวิกฤติอย่างนี้.