โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศึก“เสรีพิศุทธ์-นายกฯตู่”ละเลย-ลุอำนาจ?

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 16 พ.ย. 2562 เวลา 20.49 น.

กำลังถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการใช้อำนาจของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร จากกรณีมีหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เข้าร่วมประชุมเพื่อแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า อาศัยอำนาจตามมาตรา 129 วรรค 4 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และตามมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ  

 

“ฐานเศรษฐกิจ” พาย้อนไปลำดับเหตุการณ์ร้อนที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2562 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เข้าร่วมประชุมเพื่อแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ทั้งๆที่นายกฯและคณะรัฐมนตรี(ครม.)ยังไม่สามารถเข้ารับหน้าที่ได้เนื่องจากการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ยังไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 พร้อมทั้งขอเอกสารถ้อยคำที่นายกฯนำ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 และหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนฯนำส่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯดังกล่าวรวมทั้งเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ได้มีหนังสือเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯเข้าร่วมประชุมเพื่อแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวด้วย

 

ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม 2562 สำนักเลขาธิการนายกฯมีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0404/10738 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2562 ไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช.ว่า สำนักเลขาธิการนายกฯได้นำหนังสือของคณะกรรมาธิการฯ ด่วนที่สุด ที่ สผ 0019.05/547 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2562 กราบเรียน นายกรัฐมนตรีแล้ว

 

ในหนังสือฉบับนี้ยังได้ขอความชัดเจนในเบื้องต้นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวซึ่งเกี่ยวกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบอันอยู่ในหน้าที่และอำนาจของ กมธ. ป.ป.ช.สภาผู้แทนฯอย่างไร รวมถึงขอความชัดเจนในประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 ไม่รับคำร้องของนายภาณุพงษ์ ชูรักษ์ และเรื่องนี้ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใดเพื่อจะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ด้าน พล.อ.ประวิตร รองนายกฯได้มีหนังสือไปยังพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช.ในวันที่ 29 ตุลาคม 2562  แจ้งว่า ติดภารกิจไม่สามารถเลื่อนกำหนดการได้ และขอชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ครม.ได้ดำเนินการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 ถูกต้องตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ทุกประการซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้สั่งบรรจุระเบียบวาระและสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าวในวาระหนึ่งเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาชนทั้งประเทศอยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นที่จะแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

ในวันที่ 30 ตุลาคม 2562 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช.ได้มีหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เป็นครั้งที่ 2 ให้เข้าร่วมประชุมเพื่อแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อให้สภาผู้แทนฯพิจารณา ในวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) พร้อมตอบกลับหนังสือสำนักเลขาธิการนายกฯที่ขอความชัดเจนเบื้องต้นใน 2 เรื่องดังกล่าวข้างต้นโดยระบุว่า

 

คณะกรรมาธิการฯได้ประชุมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 โดยมีมติว่า การเรียกเอกสารหรือบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในกิจการที่กระทำหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้น ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 129 วรรค 4 เป็นกรณีระหว่างคณะกรรมาธิการกับบุคคลที่ถูกเรียกเท่านั้นไม่เกี่ยวกับบุคคลที่สามแต่อย่างใด

 

ในวันเดียวกันนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช.ได้มีหนังสือตอบกลับไปยังพล.อ.ประวิตร รองนายกฯโดยอ้างถึงหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0403 (กร 1)/10797 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ว่า คณะกรรมาธิการฯได้ประชุมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 โดยมีมติว่า ประเด็นที่พล.อ.ประวิตรฯ แจ้งมายังไม่เพียงพอต่อการนำมาประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญพล.อ.ประวิตรฯ มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 ในวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11.00 น. ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย)

 

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประวิตร รองนายกฯได้มีหนังสือไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ระบุว่า ในวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11.00 น. ติดภารกิจซึ่งได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วจึงขอแถลงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทำและเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ต่อคณะกรรมาธิการฯเป็นลายลักษณ์อักษรโดยยืนยันว่า ครม.ได้ดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปี 2560 และพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 ทุกประการ โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฯได้เสนอโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 จึงได้สั่งบรรจุระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมฯ แล้วมีมติเห็นชอบรับหลักการและตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ขึ้นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาชนทั้งประเทศอยู่แล้ว

 

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 สำนักเลขาธิการนายกฯได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0404/11135 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน ไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. แจ้งว่า นายกฯมีภารกิจเป็นประธานการประชุม ครม.ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไปซึ่งเลื่อนการประชุมมาจากวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เนื่องจาก ครม.ได้มีมติอนุมัติกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2562 ดังนั้น นายกฯจึงไม่อาจเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการฯ ตามวันและเวลาดังกล่าวได้ 

6 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช.ได้มีหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ฉบับที่ 3 ให้เข้าร่วมประชุมเพื่อแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อให้สภาผู้แทนฯพิจารณาในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย)

 

ก่อนถึงวันนัดหมาย พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ มีหนังสือตอบกลับไปยัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ. ป.ป.ช.โดยชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรใน 3 ประเด็น คือ 1.ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ 2.ประเด็น ครม.ไม่มีอำนาจเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 เพราะยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณให้ถูกต้องครบถ้วน และ 3.ประเด็นการตรวจสอบทุจริต

 

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เลขาธิการ ครม. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟัง รับทราบประเด็น แถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวตามวัน เวลา และสถานที่ข้างต้นแล้ว และมีหนังสือไปยังพล.อ.ประวิตร รองนายกฯ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯได้ประชุมเมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562 มีมติว่า ประเด็นที่พล.อ.ประวิตรฯชี้แจงมายังไม่ตรงกับประเด็นที่คณะกรรมาธิการฯตั้งไว้จึงไม่เพียงพอต่อการนำมาประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ยังย้ำว่า คณะกรรมาธิการฯยังมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญพล.อ.ประวิตร รองนายกฯมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2563 ในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2562  เวลา 11.00 น. ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย)

 

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประวิตร รองนายกฯได้มีหนังสือตอบกลับไปยัง           พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยยืนยันว่า ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วว่า กระบวนการและขั้นตอนในการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563 เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณานั้นเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายและวิธีปฏิบัติแล้วทุกประการ หากคณะกรรมาธิการฯยังมีข้อสงสัยในประเด็นใดขอให้แจ้งรายละเอียดแห่งประเด็นเพื่อที่จะได้พิจารณาประเด็นข้อสงสัยของคณะกรรมาธิการฯ ต่อไป

               

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสืออีกฉบับเชิญพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯให้มาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการฯ ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) อีกครั้ง

 

ทั้งนี้ ในหนังสือเชิญพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และพล.อ.ประวิตร รองนายกฯให้เข้าร่วมประชุมดังกล่าวข้างต้นของคณะกรรมาธิการฯนั้น ระบุว่า อาศัยอำนาจตามมาตรา 129 วรรค 4 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯในแต่ละครั้ง

 

*ดังนั้น การส่งเอกสารชี้แจงแทนของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และพล.อ.ประวิตร รองนายกฯ ถือว่า ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 129 และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว *

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0