MGR Online - “ชวน” ซัด“พีระพันธุ์” กลางที่ประชุม ส.ส. เคลียร์ปมผู้มากบารมีแทรกแซงเลือกหัวหน้าพรรค ระบุแม้ไม่เอ่ยชื่อแต่สังคมรู้หมายถึงใคร ยัน ไม่เคยพิฆาต-แทรงแซง เผย เคยขอร้องสมาชิกอย่าให้เงินอยู่เหนือพรรค รับ หนุน “จุรินทร์” เหตุคุณสมบัติครบ จ่อร่อน จม.ถึง “ท่านใหม่” แจง ปชป.รักสถาบัน ลั่นปล่อยให้ซื้อเสียงในพรรค วันหลังคงต้องประมูล
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30น. พรรคประชาธิปัตย์จัดให้การประชุม ส.ส.ของพรรคเป็นครั้งแรก โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม และมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ที่ขึ้นไปนั่งประกบข้าง ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างเคร่งเครียด ส.ส.แบ่งกลุ่มนั่งกันอย่างชัดเจน ระหว่างกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ และกลุ่มนายถาวร เสนเนียม ทั้งนี้ นายจุรินทร์ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเป็นวันรัฐพิธีเปิดประชุมสภา ขอให้ ส.ส.ทุกคนลงทะเบียนที่รัฐสภาใหม่ เกียกกาย ในเวลา 11.00 น. เพื่อนั่งรถไปกระทรวงการต่างประเทศพร้อมกัน ส่วนในวันที่ 25 พ.ค.จะมีการประชุมเลือกประธานสภาฯ เวลา 09.00 น. ที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ จึงขอให้สมาชิกไปกันอย่างพร้อมเพรียง
รายงานข่าวแจ้งว่า นายชวนได้ขออนุญาตที่ประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โพสต์เฟซบุ๊กถึงผู้มากบารมีในเชิงลบว่าแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตน แต่สังคมก็ทราบว่าหมายถึงใคร ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องชี้แจง ซึ่งนายพีระพันธุ์ได้ยกมือและกล่าวว่าตนไม่ได้เอ่ยชื่อและไม่ได้หมายถึงนายชวน ซึ่งนายชวนได้สวนกลับว่าแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่สังคมภายนอกได้อ่านก็รู้ว่าหมายถึงใคร ก่อนที่จะร่ายยาวโดยกลุ่มนายถวร และนายพีระพันธุ์ต่างนั่งฟังเพียงอย่างเดียวโดยไม่ตอบโต้
คลิกอ่าน >> “พีระพันธุ์” ตาสว่าง โพสต์เฟซบุ๊กบอกผู้ใหญ่บางคนที่เคารพนับถือเกือบ 30 ปี เชื่อว่าดีแต่แท้จริงเป็นภาพลวงตา
อย่างไรก็ตามนายชวนให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหากับนายพีระพันธุ์ และที่ผ่านมาตนพูดถึงปัญหาภายนอกที่เข้ามาแทรกแซง ซึ่งความจริงมีมาตั้งแต่สมัยเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่แล้ว ซึ่งวันนี้มีข่าวพยายามแทรกเข้ามาด้วยการใช้เงิน และสิ่งต่าง ๆ ซึ่งตนได้คุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ว่าจะปล่อยเรื่องนี้หรือ เราต้องควรหาทางพูดกันอย่างไรหรือไม่ นายพีระพันธุ์ไม่เอ่ยชื่อ คนทั่วไปก็รู้ว่าหมายถึงใคร จึงขอเรียนว่าตนไม่ได้มีอะไรที่พูดพาดพิงนายพีระพันธุ์เลย พูดถึงบุคคลภายนอกที่พยายามเข้ามาแทรกแซงด้วยเงิน เพื่อซื้อคนในพรรค
นายชวน กล่าวอีกว่า มีเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้น คือ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ท่านก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปัจจุบันในพรรคประชาธิปัตย์มีอีแอบที่อยากเปลี่ยนแปลงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งหัวงอก หัวขาว หัวดำ แต่หากได้นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าย่อมดีกว่าคนรุ่นใหม่ในพรรค ถ้านายกรณ์หรือนายอภิรักษ์เป็นหัวหน้าพรรค เตรียมสูญพันธุ์และสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ในช่วงอันตราย เพราะคนรุ่นใหม่ของประชาธิปัตย์มีแผนเปลี่ยนแปลงสถานภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแบบของประเทศญี่ปุ่น ขนาดถึงขั้นไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคำสัมภาษณ์นี้กระทบพรรคและคนในพรรคทุกคน แต่มันแปลกตรงที่เชียร์นายพีระพันธุ์และกล่าวหาคนอื่น
นายชวน กล่าวต่อว่า ความจริง ม.จ.จุลเจิมดีกับพวกเรา เราให้ความเคารพนับถือมาโดยตลอด แต่เที่ยวนี้แปลก รวมทั้งสื่อที่ทำโพลผู้สมัครทั้ง 4 คน ซึ่งมีผลโพลออกมาแปลก ๆ ผิดปกติ เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้เสียงน้อยที่สุด ต่อมาได้รับทราบจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ได้ไปพูดกับโทรทัศน์ช่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งพอเขาเลิกล็อคก็ทำให้คะแนนของนายจุรินทร์เพิ่มขึ้น อันนี้ทำให้น่าคิดว่าเพื่ออะไร เพื่อสร้างความชอบธรรมภายหลังอย่างไร เราไม่เข้าใจ
นอกจากนี้ นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวได้โทรศัพท์ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า ยืนยันไม่มีโทรศัพท์ไปคุย แต่ได้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครโดยตรง เพราะรู้จักคุ้นเคยส่วนตัว ท่านดีไม่เคยปกปิดข้อมูล เป็นคนพูดตรงไปตรงมา ตนจึงถามตรง ๆ ว่า มีข่าวว่าเงินผ่านมาทางคนของ กทม. บางคนหรือไม่ ซึ่งท่านบอกว่าไม่มีข้อมูลเรื่องนี้
นายชวน กล่าวด้วยว่า ตนได้ขอร้องให้สมาชิกอย่าให้เงินหรืออิทธิพลภายนอกเข้ามามีอิทธิพลเหนือภายในพรรค นี่คือเรื่องจริง ไม่เคยเอ่ยเรื่องนายพีระพันธุ์ ดังนั้น การที่นายพีระพันธุ์พูดว่า ใครไม่อยู่ในอาณัติหรือฝ่ายตรงกันข้ามจะถูกพิฆาตก็ไม่จริง ตนไม่เคยพิฆาตใคร ไม่มีบารมี หรือแทรกแซงอะไร แม้แต่การจัดอันดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็มีพรรคพวกสนิทของตน โกรธไปหลายคน เพราะไม่ได้ไปช่วย ซึ่งยอมรับว่าจริง แม้แต่บุตรชายของตนก็ไม่ได้ช่วยหรือแทรกแซงอะไร ดังนั้นตนจึงไม่ได้มีอิทธิพลบารมีที่จะทำให้คนนั้นเสียหรือดีขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม กรณีเลือกหัวหน้าพรรคได้พูดกับผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยเฉพาะกับนายกรณ์ว่า ตนเลือกนายจุรินทร์ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธเขา ทั้งในด้านอาวุโสสูงสุด วัยวุฒิ คุณวุฒิ อีกทั้งประสบการณ์ไม่ได้ด้อยกว่าใคร และถ้าพูดถึงโอกาส นายกรณ์ นายพีระพันธุ์ และนายอภิรักษ์ ยังมีโอกาสวันข้างหน้ามี เพราะอายุยังน้อยกว่านายจุรินทร์นับสิบปี แต่ตนไม่ได้บังคับใคร อย่างนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ก็ไม่ได้บังคับ ไปถามเขาดูได้
“เราต้องหาทางป้องกัน เพราะถ้ามีอิทธิพลเข้ามาจากภายนอก เพียงเพื่อนำคนของตัวเองเข้ามาตัดสินใจให้พรรคร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลง่ายๆ จะผิดวัตถุประสงค์ไป เพราะที่จริงเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ว่าคนนั้นสั่งได้ เพราะอยู่ที่มติ ส.ส.และกรรมการบริหาร ถึงตอนนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่หัวหน้าพรรคตัดสินใจได้คนเดียว นั่นคือระบบพรรค ผมพูดหลายครั้งว่าให้แบ่งแยกว่าการเลือกหัวหน้าพรรค กับการตัดสินใจร่วมรัฐบาลเป็นคนละเรื่อง ให้แยกกัน จึงพูดให้รู้ว่าผมไม่เคยไปพูดหรือยุ่งเกี่ยวนายพีระพันธุ์ พูดถึงแต่เรื่องการแทรกแซง แต่ผลการแทรกแซงได้กับใครก็รู้ๆกันอยู่ แต่เราไม่เอ่ยถึง รวมถึง ม.จ.จุลเจิมได้พูดในพรรค ผมก็ร่างจดหมายกราบเรียนให้ท่านดูว่าสิ่งที่ท่านพูดมาไม่จริง พรรคเราต่างเชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคงทั้งในนโยบายและทางปฏิบัติ ดังนั้น การที่กล่าวหาว่าถ้าเลือกคนอื่น หรือนายกรณ์ หรือนายอภิรักษ์จะมีปัญหา มันไม่ยุติธรรมกับบุคคลเหล่านี้ ผมจะทำหนังสือถึงท่านเป็นการส่วนตัวอีกทีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ร่างไว้แล้ว” นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่านายพีระพันธุ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่กลัวภายนอกแทรกแซง แต่กลัวภายในมากกว่า นายชวน กล่าวว่า ภายในเป็นเรื่องคนในพรรค คนในพรรคเลือกใครเป็นสิทธิ์ของเขาไม่ใช่การแทรกแซง แต่คนภายนอกไม่มีสิทธิ์และเป็นเรื่องที่น่ากลัวถามถึงความเป็นเอกภาพของพรรค นายชวน กล่าวว่า การทำอะไรตรงไปตรงมาจะดีที่สุด แต่ถ้าปล่อยให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น วันข้างหน้าจะมีปัญหาลามมา บอกเขาแล้วว่าถ้าปล่อยให้มีการใช้เงิน หรือใช้วิธีการที่ผิดหลักการของพรรค วันหลังคงต้องประมูล โดยส่วนตัวต่อต้านการซื้อเสียงมาโดยตลอด เราไปต่อต้านข้างนอก แต่เราปล่อยให้ทำในพรรคโดยไม่สนใจก็จะผิดแนวทางของเรา