ไทเกอร์ วู้ดส์ นักกอล์ฟอดีตมือหนึ่งโลกเคยมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดไหนคงไม่ต้องสาธยาย แต่ก่อนที่เขาจะกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง เรื่องราวมรสุมชีวิตที่เขาต้องเผชิญมาตลอดเกือบ 10 ปี มันเป็นอะไรที่น่าศึกษาอย่างมาก
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อปี 2009 วู้ดส์ ตกเป็นข่าวฉาวนอกสนาม โดยตามรายงานอ้างว่าก้านเหล็กรายนี้มีอาการติดเซ็กส์อย่างหนัก โดยที่ผ่านมาได้ร่วมหลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า นั่นส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาเอลิน นอร์เดเกรน เขาถูกฟ้องหย่าในปี 2010 แถมยังต้องแบ่งทรัพย์จากสินสมรสให้อีกถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว
วู้ดส์ จำเป็นต้องเข้ารับการบำบัดเป็นเวลา 45 วัน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าตัวเขาเองยอมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยบอกตรงๆ แบบไม่มีอายว่าเขาหลงระเริงไปในทางที่ผิด เพื่อปลดปล่อยความเครียดที่ต้องทำงานอย่างหนักมาตลอด แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นมาเลย
เหตุการณ์ในครั้งนี้กระทบกระเทือนจิตใจของ วู้ดส์ เป็นอย่างมาก ทำให้ผลงานในสนามของเขาตกต่ำลงไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางในปี 2013 คว้าแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ ไป 5 รายการ พร้อมกับทำเงินได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในปีนั้น แต่ถ้าคิดว่ากราฟชีวิตของเขาจะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งแล้วล่ะก็ ผิดถนัด! เพราะยังมีมรสุมอื่นๆ ถาโถมเข้ามาอีก
วู้ดส์ มีอาการบาดเจ็บที่หลัง ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องเข้ารับการผ่าตัด เริ่มต้นขึ้นเขียงครั้งแรกเมื่อต้นปี 2014 จากนั้นอาการก็ยังไม่ทุเลาลง จึงต้องผ่าตัดซ้ำอีก 2 ครั้ง เท่ากับว่าเป็นการผ่าตัดถึง 3 ครั้งในรอบ 19 เดือนเลยทีเดียว ถึงตรงนี้เริ่มมีกระแสข่าวลือออกมาว่าพญาเสือคงไม่กลับมาคำรามได้อีกแล้วในวงการกอล์ฟอาชีพ
การผ่าตัดครั้งนี้บังคับให้เขาต้องพักรักษาตัวอยู่นานถึง 15 เดือน ก่อนที่จะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในรายการ ฮีโร่ เวิลด์ ชาลเลนจ์ ทว่าอาการบาดเจ็บหลังก็ตามมาหลอกหลอนเขาอีกครั้งช่วงต้นปี 2017 ก่อนที่ วู้ดส์ จะประกาศว่าเขาคงไม่สามารถร่วมชิงชัยใน มาสเตอร์ส ทัวร์นาเม้นท์ ปีนั้นได้อีกแล้ว และถัดมาไม่นาน การผ่าตัดครั้งที่ 4 ก็เริ่มต้นขึ้น
ด้วยการที่ วู้ดส์ ห่างหายไปนานจากการแข่งขัน ทำให้อันดับโลกร่วงกราวไปถึง 1,199 แถมในช่วงระหว่างนั้น เขาก็ถูกจับกุมด้วยข้อหาเมาแล้วขับ จนเป็นข่าวฮือฮาไม่น้อย เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2009 เขาก็เคยขับรถชนบริเวณแถวบ้านที่ออร์แลนโด้มาแล้ว ส่วนครั้งนี้แม้ว่าสุดท้ายจะได้รับการประกันตัว ด้วยการที่ไม่พบแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดใดๆ ในร่างกาย แต่ความตกต่ำที่ปรากฏก็ทำให้ใครต่อใครพากันนินทาไปทั่ว
จากนักกอล์ฟมือหนึ่งโลกผู้โด่งดัง มาจนถึงสภาพแบบนี้ หากจะมีใครมองว่าเขาคงไม่สามารถกลับมาชูถ้วยแชมป์รายการใดๆ ได้แล้วก็คงไม่แปลก มีแต่เพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ทราบดีว่าในใจลึกๆ เขายังคงพยายามต่อสู้อยู่ตลอด กระทั่งกลับมาจับก้านเหล็กลงแข่งขันอีกครั้งในรายการ ฮีโร่ เวิลด์ ชาลเลนจ์ ที่บาฮามาส โดยจบเป็นอันดับที่ 9 ส่งผลให้อันโลกที่ร่วงไปสุดกู่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 668
ปี 2018 ถือว่าเป็นปีที่ดีสำหรับ วู้ดส์ ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง เขาจบอันดับ 2 ร่วม ในรายการ วัลส์พาร์ แชมเปี้ยนชิพ ถือเป็นการจบอันดับท็อป 5 ครั้งแรกของเขาในรายการ พีจีเอ ทัวร์ นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ก่อนที่ในรายการเมเจอร์สุดท้ายของปี พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาจบอันดับที่ 2 ตามหลังแชมป์เพียงแค่ 2 ช็อตเท่านั้น
นับว่าเป็นผลงานดีที่สุดในรายการระดับเมเจอร์ของเขา นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา และอันดับโลกก็ทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 26 แม้เสียงคำรามจะยังไม่ดังกึกก้อง แต่พญาเสือก็ได้เดินออกมาจากถ้ำอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว
กระทั่งล่าสุดหลังจากการรอคอยมายาวนาน 5 ปีกว่า วู้ดส์ กลับมาผงาดคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในรายการ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ทุกอย่างมันช่างเต็มไปด้วยอารมณ์ ตามที่เขาได้บอกว่า“มันเป็นอะไรที่ยากลำบากเหลือเกิน ผมมีช่วงเวลาที่ไม่ง่ายเลยตลอด 2 ปีหลังมานี้ ผมพยายามที่จะกลับมาให้ได้ ผมคงทำมันไม่สำเร็จถ้าหากว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทุกๆ คนรอบตัวผม”
“ผู้เล่นบางคนก็ทราบดีว่าผมต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง มันจึงเป็นเรื่องสุดพิเศษที่ได้เจอกับพวกเขาบนกรีนหลุมที่ 18 มันยากที่จะเชื่อจริงๆ ว่าผมคว้าแชมป์ ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ได้แล้ว”
นี่คือเรื่องราวการคัมแบ็คอันสุดยอดของพญาเสือที่ยังไม่ทิ้งลายในวัย 42 ปี แน่นอนว่าเป้าหมายต่อไปของเขาก็คือการทวงบัลลังก์มือหนึ่งโลกกลับมาให้ได้
ดังนั้นการคว้าแชมป์รายการล่าสุดนี้จึงเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นบทใหม่ของเขาเท่านั้น
