โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศาลไอซีซี รับคำร้องเปิดการสอบสวนพม่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 15 พ.ย. 2562 เวลา 03.57 น. • เผยแพร่ 15 พ.ย. 2562 เวลา 03.55 น.
MYANMAR-ROHINGYA2019-3

เมื่อวานนี้ (14 พฤศจิกายน 2562) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซี ได้รับคำร้องจากอัยการเพื่อเปิดการสืบสวนต่อกรณีพม่าก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาเมื่อ 2 ปีก่อน โดยองค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า การตัดสินใจครั้งนี้จะนำให้ความหวังใหม่แก่เหยื่อ ที่จะนำตัวผู้ต้องรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมอย่างโหดร้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

นายปารัม-พรีท ซิงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายระหว่างประเทศของฮิวแมนไรท์ วอช กล่าวว่า ชาวโรฮิงญาผู้ตกเป็นเหยื่อในที่สุดก็มาถึงวันที่เรื่องนี้เข้าสู่ศาล

ศาลไอซีซีกล่าวในแถลงว่า คณะผู้พิพากษาได้พิจารณาคำร้องตามที่ฟาเตาห์ เบนเซาด้า อัยการฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศของไอซีซีชาวแกมเบีย ยื่นร้องขอให้เปิดการสอบสวน “สรุปว่ามีเหตุให้เชื่อว่ามีการกระทำอันนำไปสู่รุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง” ซึ่งอาจถือว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ได้เนรเทศข้ามพม่า – บังกลาเทศ ชายแดนและการกดขี่ข่มเหงโดยอาศัยเชื้อชาติและ / หรือศาสนาต่อประชากรชาวโรฮิงญา

ด้านนางเบนเซาด้าระบุว่า ยินดีกับการตัดสินใจในฐานะ“การพัฒนาที่สำคัญส่งสัญญาณเชิงบวกต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมความโหดร้ายในพม่าและที่อื่น ๆ”

ขณะที่ รัฐบาลพม่ายังไม่แสดงท่าทีออกมาทันที แม้ก่อนหน้านี้จะมีแถลงการณ์ปฏิเสธคำตัดสินของศาลและกล่าวว่า จะไม่ให้ความร่วมมือใดๆต่อกระบวนการนี้

ข้อกล่าวหาเกิดขึ้นจากปฏิบัติการปราบปรามโดยกองทัพพม่าซึ่งเริ่มในเดือนสิงหาคม 2560 เพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มติดอาวุธ แต่กลับทำให้ประชาชนชาวโรฮิงญามากกว่า 700,000 คนหลบหนีไปยังบังคลาเทศที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อหลบหนีสิ่งที่เรียกว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการข่มขืน การสังหารหมู่ การปฏิบัติอย่างโหดร้ายและเป็นระบบ

แม้พม่าจะไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่บังคลาเทศเป็นภาคีสมาชิกและศาลกล่าวว่ามีเขตอำนาจศาลเหนือคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบางส่วน (จากการอพยพเข้าบังคลาเทศของชาวโรฮิงญาหลายแสนคน)

อย่างไรก็ตาม ศาลไอซีซี เป็นศาลระหว่างประเทศตามธรรมนูญกรุงโรม 2553 ที่ไม่มีกำลังตำรวจเป็นของตัวเอง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐภาคีสนธิสัญญาที่ออกหมายจับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0