วันนี้ ( 22 พ.ค. 62 )จากกรณีสื่อ Deutsche Welle ของเยอรมนี ได้เสนอข่าวว่า หญิงชาวไทย 4 คนและชายชาวเยอรมัน 1 คน ถูกตั้งข้อหาค้ามนุษย์ จากกรณีลักลอบนำหญิงไทยเดินทางไปขายบริการทางเพศที่เยอรมนี โดยอัยการเจ้าของคดีเผยว่าทั้ง 5 คนนำพาผู้หญิงไทยเข้าไปถึง 39 คนในรอบ 5 ปี ระหว่างปี 2555-2560
คดีนี้ถูกนำขึ้นพิจารณาในศาลของรัฐเฮสเซ (Hesse) ทางตะวันตกของเยอรมนีเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่นโดยจำเลยทั้ง 5 ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมนำพาเหยื่อมาบังคับค้าประเวณี ซึ่งในเยอรมนีนั้นการขายบริการทางเพศเป็นอาชีพถูกกฎหมายโดยมีสิทธิและหน้าที่ เช่น การได้รับค่าแรง ได้รับสวัสดิการสังคม และต้องเสียภาษีให้รัฐ แต่จำเลยทั้ง 5 ไม่จ่ายค่าจ้างให้เหยื่อ ไม่แจ้งลงทะเบียนลูกจ้าง และยังมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษี
การสืบสวนพบว่าหญิงไทยที่ตกเป็นเหยื่อถูกหมุนเวียนไปตามสถานบริการ 3 แห่งในรัฐนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลีย (North Rhine-Westphalia) ก่อนจะย้ายไปยังรัฐเฮสเซ แล้วไปยังรัฐบาเดน-เวิร์ทเทมเบิร์ก (Baden-Wurttemberg) รัฐไรน์แลนด์-พาลาทิเนต (Rhineland-Palatinate) และรัฐซาร์แลนด์ (Saarland) ทั้งนี้มีรายงานว่าตลอด 5 ปี ระหว่างปี 2555-2560 จำนวนผู้เสียหายน่าจะมากกว่า 39 คน และพบว่ามีสาวประเภทสองรวมอยู่ด้วย
คดีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากปฏิบัติการเข้าตรวจค้นสถานบริการทั่วประเทศโดยตำรวจเยอรมนีกว่า 1,500 นายเมื่อปี 2561 และสามารถตรวจยึดเงินสดได้ถึง 250,000 ยูโร หรือราว 10 ล้านบาท ซึ่งตำรวจเปิดเผยว่าเริ่มสืบสวนขบวนการค้ามนุษย์แก๊งนี้มาตั้งแต่ปี 2559