โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

(ฉบับเต็ม) เพิ่มโทษคุก 2 ปี 14 เดือน เปรมชัย คดีล่าเสือดำ

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 12 ธ.ค. 2562 เวลา 06.30 น. • เผยแพร่ 12 ธ.ค. 2562 เวลา 04.07 น.

12 ธ.ค.62 - ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ เช้าวันนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในคดีหมายเลขดำ อ.219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานร่วมล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และมีคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 3,012,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ

กรณีทั้งสี่ ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร วันที่ 3-4 ก.พ.61 ได้ครอบครองซากเสือดำ (ตรวจสอบ อายุ 3-5 ปี น้ำหนัก 30 กก.) ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และซากไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.ที่อยู่ในถังน้ำแข็ง อันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็ได้เข้ามาเป็นผู้ร้อง ยื่นคำขอให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งด้วยโดยให้ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหาย 12,750,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่เสือดำถูกยิงตาย โดยอ้างอิงตัวเลขค่าเสียหายนั้นเปรียบเทียบกับโครงการเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุกรรมเสือโคร่งเพื่อคืนสู่ถิ่นกำเนิดในธรรมชาติ และคิดจากอัตราการรอดตาย ร้อยละ 20 ในการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา
ซึ่งคดีนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ที่เป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อปี 2562 ให้จำคุก "นายเปรมชัย กรรณสูต" อายุ 65 ปี ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 รวม 3 ข้อหา ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน , ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา น้ำหนัก 0.6 กก.) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน เป็นจำคุกทั้งสิ้น 16 เดือน โดยให้ยกฟ้อง 2 ข้อหาฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)

"นายยงค์ โดดเครือ" อายุ 67 ปี คนสนิทและคนขับรถของนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 3 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 13 เดือน โดยยกฟ้อง 2 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

"นางนที เรียมแสน" อายุ 45 ปี แม่ครัว จำเลยที่ 3 ลงโทษเพียงข้อหาเดียว ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน และปรับเป็นเงินอีก 10,000 บาท โดยโทษจำคุกนั้นให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ซึ่งศาลยกฟ้อง 3 ข้อหาฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯ โดยไม่มีเหตุสมควร

"นายธานี ทุมมาศ" หรือพรานแกละ อายุ 58 ปี จำเลยที่ 4 ให้จำคุกข้อหา 6 ข้อหา ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 เดือน , ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะฯโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน , พยายามล่าสัตว์ (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 4 เดือน , ล่าสัตว์ป่า (เสือดำ) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี และเก็บของป่า (ซากสัตว์) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือน

และให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 2 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหายเสือดำ) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 (วันที่เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

ต่อมาอัยการโจทก์ และจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล พร้อมฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์

ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์ภาค 7" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 , 31 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง , 47 , 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83

โดย นายเปรมชัย จำเลยที่ 1, นายยงค์ คนขับรถนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 , นายธานี ที่เป็นนายพราน จำเลยที่ 4 กระทำผิด พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16,36,47,53 กับพ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธมีดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงฐานเดียว

และจำเลยที่ 2,4 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ขณะที่จำเลยที่ 4 ผิดพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 36,53 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80

ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันทําให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 1 ปี และปรับนางนที แม่ครัวจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท

ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือด้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท

ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดซึ่งซากของสัตว์ป่า (ไก่ฟ้าหลังเทา) อันได้มาโดยการกระทำความผิดนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จําคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 2 เดือนและปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท

ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกจำเลยที่ 1,2,4 คนละ 1 ปี

โดยเมื่อรวมกับโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกจำเลยที่ 2,4 คนละ 3 เดือนในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตโทษกับโทษจำคุก 6 เดือนจำเลยที่ 1 , 2 , 4 ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโทษจำคุกจำแลยที่ 4 เป็นเวลา 4 เดือนในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว

จึงจำคุก "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน , "นายยงค์" คนขับรถ จำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน และจำคุก "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน

ส่วน "นางนที" แม่ครัว จำเลยที่ 3 จำคุกมีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาทโดยโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (จากเดิมศาลชั้นต้นจำคุก 4 เดือนและปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำและไก่ฟ้าหลังเทาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้ 2 ปีโดยยกฟ้อง 3 ข้อหาเกี่ยวกับความผิดอาวุธปืน)

และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (เดิมศสลชั้นต้นให้ "นายเปรมชัย" จำเลยที่ 1 และ "นายธานี" นายพราน จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานฯ 2 ล้านบาทที่เป็นมูลค่าความเสียหายเสือดำ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.61 ซึ่งเจ้าหน้าที่พบการกระทำผิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ยังสามารถยื่นฎีกาได้อีกภายใน 1 เดือนนับจากที่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้

โดยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นี้ ได้เพิ่มโทษของจำเลยทุกคน ซึ่งในส่วนของนายเปรมชัยนั้นก็ยังได้มีความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในลักษณะเป็นตัวการร่วม จากเดิมที่ได้ถูกลงโทษฐานเป็นเพียงผู้สนับสนุนการล่าสัตว์ป่า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0