บุรีรัมย์- ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ป้ามานิตย์” แม่ยายที่ตกเป็นจำเลย คดีลูกเขยวัย 16 ฟ้องกล่าวหายักยอกหวย 12 ล้านแล้ว เจ้าตัวเผยดีใจ บอกความจริงก็คือความจริง
(17 ส.ค.62) ความคืบหน้าคดีดราม่า ที่เยาวชนชายอายุ 16 ปี พร้อมมารดาชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน เม.ย. 2561 กล่าวหาว่า นางมานิตย์ เต็มปักษี ชาวบ้านหนองไผ่ ต.เสาเดียว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ยาย พร้อมบุตรสาวคนโต และหลานสาวของนางมานิตย์ ร่วมกันยักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 หมายเลข 412073 งวดประจำวันที่ 1 เม.ย. 2561 จำนวน 2 ใบ เป็นเงินรางวัล 12 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อเดือน ส.ค. 2561 ศาลชั้นต้นมีความเห็นยกคำร้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โดยศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า เป็นเพียงแค่พยานบุคคล และพยานบอกเล่า ไม่มีวัตถุพยาน หรือพยานเอกสารมายืนยันว่าจำเลยกระทำผิดจริง ประกอบกับพยานเอกสารจากกองสลากก็ไม่ปรากฏชื่อโจทก์ที่สลักไว้หลังสลาก และไม่ปรากฏชื่อของจำเลย หรือญาติของจำเลยไปขึ้นเงิน ศาลจึงมีคำพิพากษายกคำร้องโจทก์ในชั้นไต่สวน
ล่าสุดเวลา 10.00 น. วันนี้ นางมานิตย์ แม่ยาย และนางฉวีวรรณ หลานสาว ที่ตกเป็นจำเลยถูกฟ้อง ยักยอกลอตเตอรี่ 12 ล้าน ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ฝั่งโจทย์ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ โดยนางมานิตย์ และนางฉวีวรรณ มีสีหน้าที่สดใสไม่ได้รู้สักกังวลแต่อย่างใด
ซึ่งผลปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องนางมานิตย์ ลูกสาว และหลานสาว ที่ตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว โดยศาลให้เหตุผลว่า เอกสารจากทางกองสลากที่โจทย์โต้แย้งมาในชั้นอุทธรณ์ เป็นเอกสารที่กองสลากรับรองถูกต้องแล้ว ในส่วนเรื่องของความเชื่อมโยงที่คนอื่นๆ อาจจะนำสลากไปขึ้นเงิน ก็ไม่ได้ปรากฏชื่อจำเลยแต่อย่างใด ศาลจึงมีคำสั่งยกฟ้องในคดีดังกล่าว
นางมานิตย์ และนางฉวีวรรณ จำเลยทั้งสองก็บอกว่า รู้สึกดีใจที่ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง จะได้กลับไปใช้ชีวิตทำมาหากินตามปกติเหมือนเดิม จากที่ก่อนหน้านี้ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปสถานีตำรวจ และศาลหลายครั้ง ก็อยากฝากให้อีกฝ่ายได้หยุดแค่นี้ เพราะไม่ได้ส่งผลดีกับใคร แต่กลับจะยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับทั้งสองฝ่าย ทั้งยังบอกด้วยว่าความจริงก็คือความจริง
ขณะที่ฝ่ายโจทย์ คือ เยาวชนวัย 16 และมารดา วันนี้ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร มีเพียงทนายความที่เดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาลเท่านั้น
ด้านทนายปิยณัฐ สุกยัง เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งอ่านที่ศาลจังหวัดนางรอง คดีหวย 12 ล้าน ที่ทางโจทย์อ้างว่าจำเลยยักยอกไป ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องในคดีดังกล่าว ซึ่งศาลให้เหตุผลว่าเอกสารจากทางกองสลากที่โจทย์โต้แย้งมาในชั้นอุทธรณ์ เป็นเอกสารที่ถูกต้องแล้ว ในส่วนเรื่องของความเชื่อมโยงที่คนอื่นๆ อาจจะนำสลากไปขึ้นเงิน ไม่ได้ปรากฏชื่อจำเลยแต่อย่างใด
ซึ่งโจทย์พิสูจน์ไม่ได้ในประเด็นนี้ ว่าเกี่ยวข้องกับทางจำเลยอย่างไร อีกทั้งลูกสาวของฝั่งจำเลยที่ไปอาศัยอยู่บ้านของโจทย์และเป็นพยานให้กับฝ่ายโจทย์ ก็เป็นไปได้ที่อาจจะถูกชักจูง
พร้อมยังระบุด้วยว่าคดีดังกล่าวที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ต้องห้ามฎีกา ยกเว้นแต่จะขออนุญาตซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ทั้งนี้หลังจากคดีสิ้นสุดก็จะเดินหน้าเร่งรัดติดตามเรื่องการฟ้องกลับ คดีแจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จต่อไป ท้ายนี้ก็อยากฝากเป็นอุทาหรณ์กับผู้ที่คิดจะแอบอ้างหรือกล่าวหาคดีหวยต่างๆ อาจจะถูกแจ้งความกลับฐานแจ้งเท็จจริงได้
