โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง 14 กกต.ทำสำนวนยุบพรรคอนาคตใหม่ชี้ ปฏิบัติตามหน้าที่

Manager Online

เผยแพร่ 02 เม.ย. 2563 เวลา 10.29 น. • MGR Online

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยกฟ้อง 14 กกต. ในชั้นตรวจฟ้อง คดี "ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่"ฟ้องกล่าวหาทำสำนวนยุบพรรคอนาคตใหม่ ศาล ชี้ กกต.ทำตามอำนาจหน้าที่และกฏหมาย

วันนี้ (2 เม.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดคำสั่ง คำพิพากษาชั้นตรวจคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ อท.185/2562 ที่ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)  และ “พรรคอนาคตใหม่” ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อน ประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค. ,นายนิยต ดำรงประภักดิ์ ,นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน , พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. , นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์ , พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา ,พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสาม เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย , นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. , นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ , นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย , นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี , นายปกรณ์ มหรรณพ , นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ , นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้งเจ็ดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14

ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 กรณีทำสำนวนคดียุบพรรค อนาคตใหม่ ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี

ซึ่งโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2562 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.2562 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรคอนาคตใหม่ โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรคอนาคตใหม่ โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท ซึ่งประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้วแต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวนพร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณาทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ

ขณะที่เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย  อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไปและส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้องก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ

ส่วนคณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย  และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกริดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา , ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา , เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

โดยระหว่างชั้นตรวจคำฟ้อง (พิจารณาคำฟ้องที่บรรยายข้อกฎหมาย-พฤติการณ์-เอกสารประกองฟ้อง) นั้น ศาลมีหนังสือลงวันที่ 6 ม.ค.2563 ถึงสำนักงาน กกต. ให้มีหนังสือชี้แจ้งข้อเท็จจริงต่อศาลเพื่อพิจารณาประกอบด้วย

ขณะที่ ศาลพิจารณาเอกสารตามฟ้อง-ข้อเท็จจริงที่มีชี้แจง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว แล้วเห็นว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร อดีตหัวหน้าพรรค และพรรค อนค.เกี่ยวกับเงินกู้ยิม เป็นการแต่งตั้งไปตามอำนาจหน้าที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 , ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน การวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และคณะอนุกรรมการวินิจฉัย ได้ทำความเห็นเสนอ กกต.พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ โดยการพิจารณาเรื่องที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค อนค. โจทก์ที่ 2 เริ่มวันที่ 26 พ.ย.2562 ที่จำเลยที่ 8-14 มีมติในที่ประชุมว่าเพื่อให้การดำเนินการต่อกรณีที่กล่าวหาว่ามีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยในส่วนของอำนาจหน้าที่ กกต.จำเลยที่ 8-14 กรณีดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้วในคดีที่มีการยื่นคำร้องยุบพรรค โจทก์ที่ 2 ว่าชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพัน รัฐสภา , คณะรัฐมนตรี , ศาล , องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2560 มาตรา 211 การกระทำของจำเลยทั้ง 14 คน จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0