มีการยื่นคำร้องขอให้ Netflix ของแดนแซมบา "ลบ" รายการสุดอื้อฉาว The First Temptation of Christ ออกจากระบบสตรีมมมิงของประเทศนี้โดยเด็ดขาด เพราะซีรีส์เรื่องนี้ลบหลู่ความเชื่อของชาวคริสต์ ด้วยการนำเสนอบทบาท "พระเยซู" ออกมาในรูปแบบของผู้มีความเบี่ยงเบนทางเพศ
แต่ล่าสุดศาลสูงบราซิลได้ออกคำตัดสินว่า Netflix มีสิทธิ์ที่จะเผยแพร่ซีรีส์เรื่องนี้
"The First Temptation of Christ" ออกเผยแพร่มาตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. 2019 และสร้างปัญหามากมายหลังจากนั้นทันที มีคนร้องเรียนเรื่องเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมของซีรีส์มากมาย โดยผลงานที่เผยแพร่ทาง Netflix เรื่องนี้ เล่าเรื่องของ "เยซู" ที่เดินทางกลับบ้านเพื่อฉลองวันเกิดอายุครบ 30 ปี แต่เขากลับพบความจริงที่เหลือเชื่อ เมื่อพ่อกับแม่บอกว่าจริง ๆ แล้ว พ่อของเขาคือ "พระเจ้า"
ซีรีส์แนวตลกล้อเลียนของผู้กำกับชาวบราซิล เกรกอริโอ ดูวิเวียร์ เรื่องนี้ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากผู้ศรัทธาในคริสตศาสนา เมื่อซีรีส์นำเสนอตัวละครพระเยซูออกมาในรูปแบบหนุ่เกย์ ส่วนตัวละคร พระแม่มาเรียก็ยังสูบกัญชาด้วย ซึ่งกระแสประท้วงก็รุนแรงถึงขั้นที่ผู้ประท้วงได้ใช้ระเบิดขวดขว้างเข้าไปในสำนักงานของคณะตลก Porta dos Fundos ผู้สร้างซีรีส์เรื่องนี้กันเลยทีเดียว
นอกจากนั้นชาวคริสต์มากกว่า 2.4 ล้านคนยังได้ร่วมยื่นต่อศาลให้ระงับการแพร่ภาพซีรีส์ ด้วยเหตุผลว่า "เป็นเรื่องรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง ไม่มีใครมีสิทธิ์มาโจมตีความศรัทธาของคนนับล้าน ๆ ทั่วโลกแบบนี้ รายการแบบนี้สร้างมาเพื่อจุดประสงค์เดียว นั่นก็คือการกระตุ้นให้คนเกลียดชังคริสตศาสนา ซึ่งนั่นทำให้เราต้องขอเรียกร้องให้ Netflix ลบซีรีส์ทิ้ง เพราะซีรีส์กำลังละเมิดต่อเสรีภาพทางการนับถือศาสนา"
ขณะที่ ฟาบิโอ พอร์แชท ผู้ก่อตั้งคณะตลก Porta dos Fundos ได้ตอบโต้กระแสประท้วง และมองว่าผู้คนที่ต่อต้านซีรีส์ The First Temptation of Christ ได้แสดงออกว่าพวกเขาเป็นพวก "เกลียดกลุ่มผู้เบี่ยงเบนทางเพศ" …. "สำหรับคาทอลิกบางคนในบราซิล ถ้าพระเยซูเป็นคนชั่วร้าย หรือเสพยากลับไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหากลับเกิดเพียงเพราะเขาเป็นเกย์ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ พระเยซูจะเป็นอะไรก็ได้ พระเจ้าเป็นได้ทั้งคนขาว, คนดำ, เกย์ หรือคนทั่ว ๆ ไป พระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง"
โดยศาลของเมืองริโอเดอจาเนโร ได้ตัดสินให้ Netflix ลบซีรีส์ทิ้ง แต่สุดท้าย ดิเอส ทอฟโฟลี ประธานศาลสูงแห่งบราซิล ได้กลับคำตัดสินดังกล่าว และยืนยันสิทธิ์ที่ Netflix สามารถเผยแพร่ผลงานเรื่องนี้ได้ "ไม่ควรไปด่วนสรุปว่าการล้อเลียนแบบตลกขบขันจะมีพลังวิเศษใด ๆ ที่จะไปบ่อนทำลายความเชื่อของชาวคริสต์ ซึ่งคงอยู่มานานกว่า 2,000 ปีแล้วได้"
