ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไฟไหม้บ้านเก่าแก่ติดแมนชั่น กองเพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับมีลมกระโชก โดยที่บ้านที่ถูกไหม้ ลูกชายติดอยู่ในกองเพลิงก็รอดออกมาได้ เชื่อเป็นเพราะ "ศาลตายาย" ช่วยคุ้มครองให้ฝนตกในเวลานั้นเพื่อดับไฟ ขณะที่ศาลไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ส่วนยายวัย 86 ปี มั่นใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไม่ให้อยู่บ้านขณะเกิดเหตุ
จากกรณีเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เกิดเหตุไฟไหม้บ้านไม้เก่าอายุกว่า 50 ปี สองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ภายในซอยถนอมใจ ข้างสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนเทวบุรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช เปลวไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงวอดทั้งหลังอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พร้อมรถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ระดมฉีดน้ำสกัดเปลวไฟ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปบ้านที่อยู่ติดกัน รวมทั้งแมนชั่นที่อยู่ห่างไม่ถึง 5 เมตร โชคดีที่ระหว่างเกิดเหตุมีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนท.ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ พบตัวบ้านชั้นสองที่เป็นโครงสร้างไม้ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด ขณะที่ลูกชายเจ้าของบ้าน ซึ่งติดอยู่ในห้องนอนชั้นสอง สำลักควันไฟ เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ และนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช อาการปลอดภัยแล้ว มีเพียงแผลพุพองบริเวณขา และสำลักควันเท่านั้น
ล่าสุดวันที่ 7 ก.ค.63 หลังเกิดเหตุ นายวิทยา ถนอมพงศ์ อายุ 64 ปี และ นางนฤมล ถนอมพงศ์ อายุ 86 ปี แม่ของนายวิทยา รวมทั้งญาติๆ เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าทรัพย์สินบนชั้นสองถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด เหลือเพียงวัตถุมงคล พระเครื่อง และเงินเหรียญโบราณที่สะสมไว้ ถูกไฟไหม้จนดำเกรียม ส่วนสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณปลั๊กไฟชั้นสองของบ้าน
นางนฤมล เล่าว่า บ้านหลังนี้สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ด้วยไม้หลุมพอ มี นายวิทยา ลูกชาย และ นายเมธาวัฒน์ หลานชาย พักอาศัยอยู่กัน 2 คน ปกติตนจะมาพักอาศัยที่บ้านเกิดเหตุเป็นครั้งคราว เมื่อวานนี้ตนตั้งใจจะนอนที่บ้านหลังเกิดเหตุ และจะนอนอยู่ห้องนอนชั้นสองที่ถูกไฟไหม้ แต่โชคดีที่เมื่อวานนี้ตนไม่ได้นำเสื้อผ้ามา ประกอบกับต้องไปงานศพพ่อของเพื่อน จึงออกจากบ้านเกิดเหตุตั้งแต่ 5 โมงเย็น กระทั่งช่วงค่ำ ลูกชายบอกว่าไฟไหม้บ้าน ถึงกับเป็นลม แต่โชคดีที่ตนไม่ได้นอนที่บ้านคืนเกิดเหตุ หากตนนอนเชื่อว่าต้องเสียชีวิตแน่นอน เพราะตนอายุมาก เดินเหินไม่คล่อง คงหนีลงมาไม่ทันถูกไฟคลอกเสียชีวิตแน่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมธาตุเมืองนครที่ตนเคารพ กราบไหว้ทุกวัน ช่วยคุ้มครองให้ตนรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน ส่วนความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ และอยู่ระหว่างประเมินกับลูกหลาน ว่าจะทำอย่างไรต่อกับบ้านหลังนี้
ขณะที่ นางบุษบา นกเกิด อายุ 54 ปี แม่บ้านเพรียวแมนชั่น เล่านาทีระทึกว่า เมื่อคืนเกิดเหตุไฟลุกไหม้บ้านอย่างหนัก เปลวไฟสูงกว่า 10 เมตร หรือสูงเท่ากับชั้น 4 ของแมนชั่น ช่วงเกิดไฟไหม้มีลมกระโชกพัดเปลวไฟก้อนมหึมาเปลี่ยนทิศมาทางแมนชั่น ซึ่งอยู่ติดกัน จากนั้นไม่กี่นาทีก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุเร็ว จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ไม่ลุกลาม ยอมรับตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะน่ากลัวมาก เปลวไฟที่โหมอย่างหนักรับรู้ได้ถึงความร้อนเหมือนอยู่ในเตา รุนแรงและน่ากลัว ขณะที่ผู้ที่เช่าห้องพักของแมนชั่น รีบเข้าไปเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์ที่จอดริมกำแพงแมนชั่น ซึ่งอยู่ห่างที่เกิดเหตุเพียง 5 เมตร ถึงกับร้อนหน้า และสำลักควันหลายคน อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุตนถึงกับอึ้งและขนลุก เพราะศาลตายาย 2 ศาล ที่เจ้าของแมนชั่นตั้งบูชาเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย รอยเขม่าควันไฟก็ไม่มี แม้อยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุเพียง 1–2 เมตรเท่านั้น ที่สำคัญช่วงเกิดเหตุมีลมกระโชกแรง และเปลวไฟมหึมาเปลี่ยนทิศมาทางแมนชั่น ทันใดนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก เหมือนกับว่าศาลตายายดลบันดาลให้เกิดฝนตกเพื่อดับไฟที่ไหม้บ้าน และคุ้มครองคนในบ้านที่เกิดเหตุ รวมทั้งคุ้มครองแมนชั่นให้รอดปลอดภัย.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- หวิดย่างสด ไฟไหม้รถส่งน้ำดื่มวอดทั้งคัน คนขับรอดตาย คันหลังบีบแตรเตือน
- ไฟไหม้หอพักหญิง ม.เกษมบัณฑิต นศ.โดดตึกหนีตาย เจ็บ 8 ราย
- ไฟไหม้บ้านสุขาวดี คฤหาสน์งาม ริมหาดพัทยา เจ้าหน้าที่เร่งดับเพลิง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath