เมื่อวันที่ 13 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 33 ปี ในการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ต่อศาลฎีกา หลังจากที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยกคำร้องของนายอัครกิตติ์ ที่ขัดคำสั่งศาลไม่เข้ารายงานตัวตามนัด หลังจากมีการอนุญาตให้ปลดกำไลข้อเท้า EM ระหว่างการประกันตัวต่อสู้คดีร่วมฟอกเงินยาเสพติดเมื่อปี 2562
โดยศาลฎีกา พิจารณาแล้วก็มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายอัครกิตติ์ โดยให้ติดกำไลข้อเท้า EM พร้อมมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีของนายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ เรซซิ่ง นั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.63 ศาลอาญา ได้มีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัวชั้นอุทธรณ์ของนายอัครกิตติ์ จำเลยคดีฟอกเงินซึ่งถูกพิพากษาจำคุก 8 ปีที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ด้วยเงินสด 1 ล้านบาท พร้อมกับติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลข้อเท้า EM เนื่องจากนายอัครกิตติ์ ไม่เข้ามารายงานตัวต่อศาลในวันที่ 24 มิ.ย.ตามกำหนดนัดในเงื่อนไขที่มีการอนุญาตให้ปลดกำไลข้อเท้า EM เมื่อปี 2562
โดยหลังจากที่ศาลอาญาสั่งเพิกถอนการประกันตัวดังกล่าวแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.63 ญาติของนายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ได้มายื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างร้าน AREA 51 ที่จำหน่ายอุปกรณ์และตกแต่งรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ในซ.อินทามระ กทม.ขอประกันตัวใหม่ อีกครั้ง ซึ่งศาลอาญาเห็นควรส่งเรื่องประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาว่าจะอนุญาตให้ประกันหรือไม่เนื่องจากคดีฟอกเงินนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว
จากนั้นวันที่ 28 มิ.ย. ศาลอุทธรณ์ ก็ได้มีคำสั่งว่า นายอัครกิตติ์ จำเลย ขัดคำสั่งศาลไม่เข้ารายงานตัวตามนัด โดยอ้างว่า หลงลืมนัดนั้นไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.จราจร ฯ (ช่วงวันที่ 25 มิ.ย.63) ถือว่า ประพฤติตนไม่เหมาะสมอีกด้วย ศาลอุทธรณ์จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว แล้วให้ยกคำร้อง ทำให้นายอัครกิตติ์ ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาโดยตลอด นับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. กระทั่งนายอัครกิตติ์ ได้ยื่นคำร้องของปล่อยชั่วคราวอีกครั้งต่อศาลฎีกา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับสถิติผู้ใช้อุปกรณ์ EM ณ วันที่ 13 ก.ค.63 พบออนไลน์ในระบบ 3,128 ราย
