ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์วันนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสหายดีและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 59 คน รวมมีผู้ป่วยติดเชื้อหายดีรวม 505 คน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.เปิดเผยว่า แม้มีผู้ป่วยหายดี แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มอีก 104 คน หลัก ๆ มาจาก 3 กลุ่มใหญ่ จาก 62 จังหวัด
กลุ่มที่ 1.เป็นผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 60 คน -จากสนามมวย 1 คน -จากสถานบันเทิง 10 คน -จากพิธีกรรมทางศาสนาประเทศอินโดนีเซีย 8 คน -จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 41 คน กลุ่มที่ 2. เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 36 คน -คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 11 คน -คนต่างชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 คน -มีการสัมผัสผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2 คน -เดินทางไปในสถานที่ชุมนุม เช่น ชุมชน งานแฟร์ คอนเสิร์ต 1 คน -อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด 8 คน -บุคลากรทางการแพทย์อีก 2 คน -อื่นๆ 9 คน กลุ่มที่ 3. เป็นผู้ป่วยอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 8 คน
สำหรับวันนี้มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย -รายที่ 1 เพศชาย คนไทย อายุ 57 ปี มีประวัติเดินทางจาก อ.สุไหงโกลก ไปสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเดินทางกลับประเทศไทยลงเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ซึ่งจะเดินทางกลับ อ.สุไหงโกลก ด้วยรถไฟ โดยเริ่มเดินทางวันที่ 30 มีนาคม จากนั้นในเวลา 15.00 น.วันที่ 31 มีนาคม พบเสียชีวิตบนรถไฟสายกรุงเทพ-สุไหงโกลก ในระหว่างที่รถไฟวิ่งผ่าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัย พบว่า มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงร่วมด้วย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานบนรถไฟ 15 คน กักกันตัวและมีการควบคุมโรค -รายที่สอง เพศชาย คนไทย อายุ 77 ปี มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยที่ยืนยันก่อนหน้านี้ เริ่มป่วยวันที่ 18 มีนาคม ด้วยอาการไข้ 38 องศา และไอ เจ็บคอ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ปัตตานี และวันที่ 20 มีนาคม อาการแย่ลง ต่อมาในวันที่ 31 มีนาคม เสียชีวิต มีประวัติเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เบาหวานร่วมด้วย -รายสาม เพศชาย คนไทย อายุ 55 ปี อาชีพขับรถสาธารณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีประวัติเดินทางไป จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งพักอาศัยอยู่กับครอบครัวไม่ได้ออกจากบ้าน จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 16 มีนาคม และเริ่มมีอาการไข้ ไอแห้ง อ่อนเพลีย แต่ไม่มีน้ำมูก จากนั้นมีอาการป่วยในวันที่ 18 มีนาคม จึงไปพบแพทย์รักษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง และวันที่ 21 มีนาคม เริ่มมีอาการเหนื่อยมากผิดปกติ จึงไปรับอาการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ในวันที่ 29 มีนาคม กระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 1 เมษายน
นอกจากนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมรวม 1,875 คน เสียชีวิตรวม 15 ราย และรักษาในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลต่างๆ 1,370 คน
