โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศบค.จับตาบางแสนโมเดล หลังคนแห่เที่ยว ย้ำต้องไม่ให้เกิดซ้ำ

Khaosod

อัพเดต 04 มิ.ย. 2563 เวลา 07.36 น. • เผยแพร่ 04 มิ.ย. 2563 เวลา 06.09 น.
บางแสน (1)
ศบค.จับตาบางแสนโมเดล หลังคนแห่เที่ยวทะลัก วอนผู้บริหารท้องถิ่นช่วยดู

ศบค.จับตาบางแสนโมเดล เป็นตัวอย่าง ย้ำต้องไม่ให้เกิดซ้ำ หลังคนแห่เที่ยวทะลัก วอนผู้บริหารท้องถิ่นช่วยดู ให้สวมหน้ากากเข้าคลาสเต้น-เว้นระยะห่าง

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบค. แถลงถึงกรณีคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่ของรัฐแล้ว ยังต้องไปกักตัวในจังหวัดที่เดินทางไปอีกหรือไม่ว่า

เรื่องนี้มีการพูดคุยกันมาพอสมควรและยังได้รับการร้องเรียนอยู่พอควร ถึงขณะนี้ยืนยันว่าหลังจากเข้ารับการกักตัวที่สถานที่ที่รัฐจัดให้แล้ว 14 วัน เมื่อเดินทางไปต่างจังหวัดภูมิลำเนาไม่ต้องกักตัวอีก โดยจะมีใบที่ได้รับจากการกักตัว 14 วันนั้นแล้ว สามารถปฏิบัติภารกิจได้ ซึ่งมีการซักซ้อมกับทางจังหวัดและพื้นที่แล้ว หากที่ใดติดขัดก็ให้โทรศัพท์มาที่สายด่วน 1111 ได้

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

เมื่อถามถึงกรณีชายหาดบางแสนที่มีผู้คนไปเที่ยวหนาแน่น ศบค.ต้องประสานงานกับจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวในการเตรียมความพร้อมรับมือวันหยุดต่างๆ หรือไม่ โฆษกศบค. กล่าวว่า มีการพูดคุยในศบค.เป็นรายวัน เช่นเดียวกับเช้าวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมย่อยนำทุกข่าวที่เกิดขึ้นมาพูดคุยหารือ โดยมีผู้แทนจากส่วนราชการทุกส่วนทั้งมหาดไทย สาธารณสุข กลาโหม การท่องเที่ยว

ความร่วมมือจะต้องเกิดขึ้นจาก 3 ส่วนด้วยกันคือ ผู้ประกอบกิจการกิจกรรมทั้งหลาย เช่น เอกชน ร้านค้า ส่วนบุคคล ประชาชน เพราะถ้าประชาชนแห่กันไปในสถานที่เดียวกันย่อมเกิดความแออัด ภาครัฐต้องเข้าไปกำกับติดตามดูแล เพื่อให้มีมาตรการหลัก 5 ข้อเพื่อที่จะห่างไกลโรคได้ และเมื่อหาดบางแสนเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะได้เรียนรู้กันว่าที่อื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นอีก ตนเชื่อว่าผู้บริหารท้องถิ่นแต่ละแห่งรับทราบถึงปัญหาแล้ว คงต้องร่วมด้วยช่วยกัน ที่สำคัญคือต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกคน

เมื่อถามว่าหลังจากผ่อนปรนระยะที่ 3 แล้วดูเหมือนว่าประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ บางคนไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่เว้นระยะห่าง ศบค.ประเมินเรื่องนี้อย่างไร และจำเป็นต้องออกมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ โฆษกศบค. กล่าวว่า ตอนนี้มาตรการที่ทำจนเราเคยชินคือการสวมหน้ากากก่อนออกจากบ้าน ถ้าไม่ได้สวมใส่แล้วเหมือนใส่เสื้อผ้าไม่ครบ ต้องถือเป็นอาภรณ์ส่วนหนึ่งของร่างกายเรา

ถ้าถามว่าจะเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ คิดว่าถ้าเราทำเต็มที่ใน 5 มาตรการหลัก ด้วยความพร้อมใจกัน และคนที่ไม่ทำจะต้องถูกเตือน ทุกคนช่วยกันด้วยความสมัครใจเท่านั้น คงเพียงพอแล้ว คงไม่ต้องมีกฎหมายหรือข้อบังคับใดออกมา

ถือเป็นความสมัครใจและพร้อมใจสามัคคีกันเพื่อดูแลสังคมไทย เช่น ถ้าไปเที่ยวชายหาดก็สวมใส่หน้ากากอนามัยเอาไว้ หรือถ้าจะเล่นน้ำก็ไม่ได้ว่ากัน เพราะเปียกหน้ากากก็เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าของเราแล้วก็มาเปลี่ยนใหม่ได้ เมื่อไปในที่ชุมชนถ้าเราทำอย่างนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่แน่นอนว่าอาจจะไม่คุ้นชิน

เราจึงต้องย้ำกันเสมอว่าชีวิตวิถีใหม่หรือนิวนอร์มอลต้องทำให้เคยชิน เนื่องจากขณะนี้เรายังป้องกันไม่ได้เพราะเรายังไม่มีวัคซีน ทางเดียวที่จะป้องกันคือทุกคนต้องเป็นฮีโร่และเป็นคนที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ที่จะช่วยทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด ไม่ต้องมีกฎหมายใดมาบังคับ ทำด้วยใจเราก็รอดพ้นโรคได้

เมื่อถามถึงกรณีคลาสเต้นในพื้นที่ฟิตเนส เปิดให้บริการได้หรือไม่ ศบค.มีคำแนะนำอย่างไร โฆษกศบค. กล่าวว่า ในการอนุญาตให้เปิดฟิตเนส หรือสถานที่ออกกำลังกายขณะนี้ ได้รับการอนุญาตแล้ว ดังนั้น หลักการจึงกลับมาอยู่ที่มาตรการหลัก 5 ข้อเช่นเดิม ถ้าทุกคนเข้าใจอย่างถ่องแท้โดยออกกำลังกายที่ไม่หนักมากก็ให้สวมหน้ากากอนามัย เหมือนเดินในสวนสาธารณะ

แต่ถ้าบอกว่าเหนื่อยมากๆ แล้วใส่ไม่ได้ ก็ต้องอยู่ห่างจากผู้อื่นพอสมควร เหมือนที่เรียนรู้กันแล้วว่าห่างกัน 2 เมตรฝอยละอองจากการเหนื่อยหอบ หรือหายใจออกมาแล้วจะไม่ฟุ้งกระจายถึงคนอื่น ดังนั้น ถ้ามีพื้นที่เพียงพอก็เว้นระยะห่าง แต่ถ้าพื้นที่ไม่เพียงพอก็ขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยเอาไว้ หรือแม้แต่การเต้นลีลาศ ก็ใช้หลักการทั้ง 5 ข้อนี้เหมือนกันทั้งสิ้ นจะทำให้เราปลอดโรคปลอดภัยได้

เมื่อถามว่างานวิ่งหลายงานที่จะจัดในช่วงปลายปีนี้กำลังเปิดให้จอง ศบค.จะพิจารณาผ่อนปรนให้จัดกิจกรรมลักษณะดังกล่าวได้หรือไม่ โฆษก ศบค. กล่าวว่า ถ้าปลายปีนี้หมายถึงช่วงเดือนธ.ค.ก็ยังอยู่ในระยะที่ห่างจากขณะนี้ เวลานี้เรายังเห็นสถานการณ์โรคที่กราฟทะแยงขึ้นอยู่ แต่ในหลายทฤษฎีก็ยังบอกว่าน่าจะถึงปลายปีนี้ แต่อีกหลายทฤษฎีก็บอกว่าไม่น่าจะถึง ทฤษฎีล้วนไม่ตรงกันทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของอากาศ วันเดือนปีเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับชุดพฤติกรรมของคน การค้นพบยารักษาและวัคซีน

ดังนั้น ถ้ายังไม่ค้นพบสิ่งเรานั้น ปลายปีนี้ก็อาจจะหนักหรือไม่หนักก็ได้ทั้งคู่ กิจการกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นก็ต้องวางแผนล่วงหน้ากันไป สามารถทำได้ แต่ก็มีความเสี่ยงว่าจะได้จัดหรือไม่ได้จัด คนที่จะเข้าร่วมอาจแสดงความจำนงเอาไว้ แต่ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าก็จะต้องมีแผนรองรับความเสี่ยงนั้นให้ได้ เพราะอาจมีสิ่งไม่คาดคิด ดังนั้น ตอนนี้ยังไม่อยากบอกว่าสิ้นปีนี้มีความปลอดภัยแค่ไหน แต่ในวันนี้เราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าทำดีที่สุดเราก็อาจพยากรณ์กันได้ ว่าเราจะมีพื้นที่เปิดกว้างมากขึ้นภายในปลายปีนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0