*ในที่สุดพรรค “อนาคตใหม่” ก็ไม่ทน ขับ ส.ส.4 งูเห่า พ้นพรรค ประกอบด้วย *
1.น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี
2.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี
3.น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่
4.นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี
ด้วยเสียงโหวตที่ให้ขับทั้งสี่คนออกจากสมาชิกพรรค 250 เสียง ไม่ให้ขับออกจากสมาชิกพรรค 5 เสียง และบัตรเสีย 6 ใบ
เหตุเกิดขึ้นในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคอนาคตใหม่ มีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และส.ส.พรรค เป็นองค์ประชุม วาระสำคัญคือ หาบทลงโทษ การกระทำของ ส.ส.ที่เคยโหวตสวนมติพรรค รวมถึง ส.ส.ที่วิพากษ์วิจารณ์กิจกรรมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เมื่อเสาร์ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ตามวีรกรรมของทั้ง 4 คน จุดเริ่มต้นมาจากการเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติ กับพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นหน่วยงานบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
ปรากฏว่า ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 70 คน โหวตคว่ำ “ไม่เห็นด้วย” ซึ่งเป็นไปตาม “มติของที่ประชุมพรรค”
ทว่า มี ส.ส.อนาคตใหม่ 3 คนโหวตสวนมติดังกล่าว ด้วยการ “ลงคะแนนเห็นชอบ” คือ กวินนาถ ตาคีย์ – จารึก ศรีอ่อน – พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคอนาคตใหม่ ขณะที่ ศรีนวล บุลลือ ใช้สิทธิ งดออกเสียง กลายเป็น
“ปฐมบทงูเห่าสีส้ม”
“จารึก” โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังเกิดเรื่องว่า
“เมื่อวานได้ปรับความเข้าใจครึ่งชั่วโมง ตกลงกันไม่ได้ เรื่อง อบจ. จันทบุรี ผมต้องการความสามัคคีของพี่น้องพรรคอนาคตใหม่ คืออนาคตใหม่จันทบุรี ไม่ส่งสมัคร อบจ. แต่หัวหน้าต้องการสร้างหลักการของการเมืองใหม่ ยืนยันต้องส่ง ก็ไม่ว่ากัน
“เพราะฉะนั้นวันนี้ ในการยกมือโหวต พ.ร.ก.ผมคิดอย่างไร ผมขอทำทางความคิดของผมนะ หัวหน้ามาขอร้องให้ทำตามมติพรรค ซึ่งไม่ตรงกับความคิดผม ผมคงไม่ฟังหัวหน้าครับ”
“ผมขอร้องหัวหน้าเรื่อง อบจ. จันทบุรี พูดให้เหตุผลจนปากเปียกปากแฉะ หัวหน้าก็ไม่ฟังผม อีกเรื่องคือกรรมาธิการ ผมชอไปอยู่คณะธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ผมจะไปทำเรื่องช้าง เรื่องที่ดิน ซึ่งเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชนชาวจันทบุรีของผม คุยกับอาจารย์ปิยบุตร ไม่รู้กี่ครั้ง ท่านก็ไม่ยอมผม หักผม ยอมรับว่าอืดอัดครับ เรียนความในใจให้พี่น้องประชาชนรับทราบครับ”
ส่วน “ศรีนวล” กล่าวถึงเรื่องเดียวกันในเวลาต่อมา ว่า ตนเข้าชี้แจงต่อพรรค โดยแจ้งเหตุผลของการงดออกเสียงต่อร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ ไปว่า หากออกเสียงเห็นด้วยก็จะเป็นการเกรงใจมติพรรค แต่หากโหวตไม่เห็นด้วยก็จะเป็นประเด็นเรื่องการจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนจึงเลือกการงดออกเสียง เพราะไม่สามารถออกเสียงมติตามพรรคได้ เพราะการโอนย้ายกำลังพลฯ นั้น เป็นการทำไปเพื่อดูแลความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ เราขัดไม่ได้ เพราะเราเป็นคนไทย ซึ่งตนก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร มันเป็นสิทธิ์ของเรา เมื่อชี้แจงไปแบบนี้ทางพรรคก็ยังไม่ให้ความเห็น เพียงแค่รับฟังตนเท่านั้น
“เมื่อทุกคนเรียกร้องประชาธิปไตยกัน จึงต้องสามารถทำงานร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน เราสามารถจะเข้าใครก็ได้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน เราก็ชี้แจงไปแบบนี้”
ต่อมา “งูเห่า” เกิดขึ้นอีกเป็นระลอกที่ 2 ในการโหวตร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2563 วาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ เมื่อ 20 ต.ค. ซึ่งในวันดังกล่าวที่ประชุมวิปฝ่ายค้านตกลงร่วมกันว่า “งดออกเสียง”
เมื่อถึงคิว “นับคะแนน” ปรากฏว่า ที่ประชุมเห็นด้วย 251 คนงดออกเสียง 234 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน
ในจำนวน 251 คน มี ที่เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 มีชื่อ “กวินนาถ” โหวตเห็นด้วย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน “เพียงคนเดียว” ที่โหวตสวน “กวินนาถ” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงอย่างเป็นทางการว่า
“พ.ร.บ. งบประมาณที่โหวตสวนมติพรรคเกิดจากการลงพื้นที่และพบปัญหาของประชาชน หากไม่รับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะไม่สามารถทำงานกับคนพื้นที่ได้อย่างสะดวก เพราะที่ผ่านมามีปัญหามาโดยตลอด ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ เช่น ปัญหาน้ำ-ไฟที่ไม่ได้รับการแก้ไขให้ชาวบ้าน ไปจนถึงการทำงาน ซึ่งตนไม่อยากที่จะขัดแย้งกับใคร พร้อมระบุด้วยว่าการโหวตให้ร่าง พ.ร.บ. เป็นการโหวตในวาระแรก แต่ยังมีในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ซึ่งอาจไม่รับกฎหมายนี้ก็ได้ หากไม่มีการปรับแก้ตามที่มีผู้อภิปรายหรือฝ่ายค้านได้นำเสนอไปแล้ว”
และยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ “งูเห่า”
“คนคนเดียว รัฐบาลจะซื้อไปทำไม งูเห่าจะมีแค่ตัวเดียวหรือ หากใครมีหลักฐานว่าตนเป็นงูเห่ารับเงิน ก็อยากดูเหมือนกัน ส่วนกระแสข่าวว่ามีการไปพบกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งนั้น ไม่เคยไปเลย ขอสาบานต่อหน้าไฟ ไม่เคยไปสักครั้ง”
ในเวลาใกล้กันเกิดเหตุการณ์ระหว่างบรรทัด เมื่อ “ศรีนวล” ย่องเข้าทำเนียบรัฐบาล หารือกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข นานถึง 30 นาที ในวันที่ 22 ต.ค. “ศรีนวล” ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการเมืองแอบแฝง
“ได้นำผู้บริหารโรงพยาบาลจอมทอง จ.เชียงใหม่เข้าพบนายอนุทิน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างที่พักเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจอมทอง ที่ถูกไฟไหม้ไปก่อนหน้านี้ ไม่มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจคงไม่กล้ามาที่นี่ และขออย่าหยิบยกมาเป็นประเด็นการเมือง เพราะกลัวว่าการทำงานช่วยเหลือประชาชนจะไม่คืบหน้า”
ระลอกที่ 3 เมื่อเกมขับเคี่ยวนับแต้มระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านกำลังดำเนินมาถึงจุดเข้มข้น ในวาระที่สภาผู้แทนราษฎรลงมีมติ ตั้ง – ไม่ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผลกระทบจากมาตรา 44 ซึ่งเป็นผลให้สภาล่มถึงครั้ง 2 ซ้อน เพราะฝ่ายค้านเล่นเกมวอล์กเอาท์ ทำให้เสียงในสภาไม่พอที่จะลงมติ หลัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ยกมือขอให้นับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ
มาถึงวันที่ 3 สภานัดลงมติอีกครั้ง เมื่อ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย 7 พรรคฝ่ายค้านยืนยันจะวอล์กเอาท์อีกเพื่อทำให้องค์ประชุมไม่ครบ หาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมถอนญัตตินับคะแนนด้วยการขานชื่อ แต่ปรากฏว่ามี 10 เสียงของฝ่ายค้านมาลงชื่อเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล ทำให้ที่ประชุมเดินหน้าต่อได้
ที่สุดแล้ว ฝ่ายรัฐบาลชนะ จากเสียงไม่เห็นด้วยที่ให้ตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบมาตรา 44 ด้วยเสียง 244 เสียง ต่อ 5 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ในจำนวน 10 เสียงของฝ่ายค้านที่เป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล ปรากฏว่า มีชื่อ “นายจารึก ศรีอ่อน” และ “พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา” 2 ส.ส.จันทบุรี ไปลงชื่อเป็นองค์ประชุมให้ฝ่ายรัฐบาล
และฟางเส้นสุดท้าย คือทั้ง “กวินนาถ” และ “พ.ต.ท.ฐนภัทร” ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กิจกรรมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เมื่อเสาร์ 14 ธ.ค. ของแกนนำพรรค ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ จากปมเงินกู้ 191 ล้าน
วีรกรรม “งูเห่า” ทั้งหมดเป็นเหตุทำให้ถูก “ขับออกจากพรรค”
