โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

วิเคราะห์! ข้อดีและสิ่งน่าห่วง หลัง ไก่ ตั้ง น้ามู คุมทัพ

ขอบสนาม

อัพเดต 15 ก.พ. 2561 เวลา 03.21 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 13.45 น. • ขอบสนาม
วิเคราะห์! ข้อดีและสิ่งน่าห่วง หลัง ไก่ ตั้ง น้ามู คุมทัพ

การปลด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมแทนแบบฉับพลันของสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนังประจำสัปดาห์นี้เลยทีเดียว เพราะไม่คิดว่าจะเด้งเร็วขนาดนี้ แถมคนที่เข้ามาแทนก็เป็นตัวท้อปอย่าง น้ามู ซะด้วย

เรียกได้ว่ามีประเด็นให้พูดถึงและวิเคราะห์กันมากมายไปอีกหลายวันเลยทีเดียว อย่างเช่นวันนี้ ขอบสนาม ก็จัดให้ขอลอง ชำแหละ ข้อดี และ ข้อที่น่าห่วง สำหรับทัพ "ไก่เดือยทอง" หน่อยละกัน หลังตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทัพ

ข้อดี

1.เกมรับแน่นขึ้น

เกมรับคือจุดอ่อนที่สุดที่ทำให้ สเปอร์ส ผลงานดำดิ่งลงเหวในฤดูกาลนี้ เสียไปแล้วถึง 17 ประตูจาก 12 นัดแรกใน พรีเมียร์ลีก ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็โดนไปแล้ว 9 เม็ด จาก 4 เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่ม สาเหตุสำคัญคือแนวรับพร้อมใจกันฟอร์มหลุดออกทะเลชนิดกู่ไม่กลับ

ไหนผู้รักษาประตูดีกรีแชมป์โลกอย่าง อูโก้ ยอริส ก็มาเจ็บหนักพักยาวไปหลายเดือนอีก อย่างไรก็ตามการเข้ามาของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นโค้ชที่เน้นเกมรับ เน้นผลการแข่งขันเอาไว้ก่อน น่าจะแก้ปัญหานี้ได้ไม่ยาก

2.แข้งไร้ใจต้องไปซะ

น้ามู มีแนวทางและปรัชญาการทำทีมที่ชัดเจนว่า ลูกทีมของเขาทุกคนเรื่องของใจนั้นต้องมาก่อน ทุกคนต้องพร้อมที่จะทุ่มเทเล่นเพื่อทีมและเพื่อเขาเสมอ อย่าเหยาะแหยะ และห้ามทำตัวไร้ใจ ซึ่งตอนนี้ในทัพ "ไก่เดือยทอง"ที่เห็นได้ชัดที่สุดน่าจะมี 3 คน คือ คริสเตียน อีริคเซ่น, แยน แฟร์ตองเก้น และ โธมัส แฟร์มาเล่น

โดยทั้ง 3 คน สัญญากับทีมจะหมดลงสิ้นฤดูกาลนี้ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมสะบัดหมึกต่อสัญญาออกไปง่ายๆ หนำซ้ำยังแสดงท่าทีอยากย้ายออกกันมาสักพักแล้วด้วย ซึ่งเหตุนี้แหละมันก็ทำให้ฟอร์มโดยรวมของ "ไก่เดือยทอง" ต่ำลงกว่ามาตรฐาน อีริคเซ่น ในบทบาทเพลย์เมกเกอร์จอมแอสซิสต์ ก็โดนร่างทรง เจสซี่ ลินการ์ด เข้าสิง ทำห่าอะไรแทบไม่ได้เลย ส่วนอีก 2 รายเป็นกองหลัง ฉะนั้นคงไม่ต้องแปลกใจเน๊อะว่าทำไม สเปอร์ส ถึงได้เสียประตูเยอะ ฉะนั้นเชื่อได้เลยว่าสิ่งที่ น้ามู จะเข้ามาจัดการคือทั้ง 3 คนต้องมาเคลียร์ให้ชัด ไอสัสมึงจะเอายังไง ถ้าไม่มีใจไม่อยากเล่นกูจะได้โละๆ มึงทิ้งไปซะ ถ้ายังอยากอยู่ต่อก็ช่วยยกระดับตัวเองขึ้นมาด้วย

3.ดึงดูดนักเตะได้มากกว่าเดิม

ชื่อเสียงของ โชเซ่ มูรินโญ่ ย่อมดึงดูดนักเตะใหม่ได้มากกว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อย่างแน่นอน เพราะจากประสบการณ์ ชื่อชั้น บารมี และความสำเร็จ น้ามู นั้นกินขาด 20 กว่าโทรฟี่ที่คว้ามาครองตลอดอาชีพกุนซือคือเครื่องการันตีอย่างดี ให้กับนักเตะที่คิดจะย้ายมาร่วมงานด้วย อย่างน้อยก็เบาใจได้ว่า ย้ายมาแล้วน่าจะมีถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง ต่างจาก โปเช็ตติโน่ ที่ทุกวันนี้ยังไม่เคยคว้าแชมป์อะไรมาประดับบารมีได้เลย

4.ปลุกไฟให้นักเตะอีกครั้ง

หากดูขุมกำลังผู้เล่นของ สเปอร์ส ว่ากันตามตรงก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเหมือนกันนะ แต่การที่ โปเช็ตติโน่ อยู่คุมทีมมา 5 ปีครึ่ง พาทีมไปได้ไกลถึงรอบชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก และคว้ารองแชมป์ พรีเมียร์ลีก มันก็ดูเหมือนที่สุดของที่สุดเท่าที่โค้ชคนนี้จะทำได้แล้ว นักเตะในทีมต่างก็รู้สึกผิดหวังที่เป็นได้แค่พระรอง แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม ความล้มเหลวอาจทำให้ความมุ่งมั่นหายไป ผลงานเลยยิ่งแย่ลงๆ แต่เชื่อว่าการมาของ มูรินโญ่ จะปรับเปลี่ยนและปลุกใจ เติมเชื้อไฟให้เหล่าแข้งไก่ได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

ข้อน่าห่วง

1.สไตล์การเล่นขัดกับแนวทาง

ข้อน่าห่วงข้อแรกนี้อาจจะดูย้อนแย้งกับข้อดีข้อแรก เรื่องเกมรับแน่นขึ้น แต่โปรดอย่าลืมว่าธรรมชาติแนวทางการเล่นของ สเปอร์ส ไม่ใช่ทีมที่เน้นเกมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 5 ปีครึ่งที่ โปเช็ตติโน่ คุมทีมมา สาวก "ไก่เดือยทอง" คงจะติดภาพทีมที่เล่นเพรสซิ่งเร็ว เดินหน้าบุกต่อเนื่อง เล่นมันส์ เล่นสนุก ไปซะแล้ว ฉะนั้นถือเป็นโจทย์ที่ยากเหมือนกันสำหรับ น้ามู ว่าจะทำยังไงให้แฟนไก่ยอมรับ หากคิดจะเล่นสไตล์ที่ตนเองถนัดนั่นคือ เน้นเกมรับให้แน่น และเน้นผลการแข่งขันเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม เชื่อเถอะ สุดท้ายปลายทางถ้ามันประสบความสำเร็จ แฟนบอลก็ไม่สนวิธีการหรอก จริงมั้ย?

2.ดาวรุ่งเกิดยาก

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่ชอบให้โอกาสดาวรุ่งได้พุ่งขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี, ฮวน ฟอยต์, เอริค ดายเออร์ และ แฮร์รี่ วิงค์ พวกนี้ล้วนเป็นผลผลิตที่ พอช ให้โอกาสได้เติบโตในทีมชุดใหญ่ ตลอด 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา ทว่าพอหันมามองทาง โชเซ่ มูรินโญ่ หนึ่งในภาพลักษณ์แง่ลบที่ติดตัว น้ามู มาตลอด คือการที่เขามักจะโดนวิจารณ์ว่าไม่ให้โอกาสแข้งดาวรุ่งลงเล่นมากเท่าที่ควร ไม่ว่าจะไปคุมทีมไหนก็ตาม

แต่เรื่องนี้ มูรินโญ่ แกก็ออกตัวก่อนแล้วตอนให้สัมภาษณ์เข้ารับตำแหน่งนะ หลังโดนถามถึงเรื่องการดันเด็ก โดยแกบอกว่า "มันไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนในโลกนี้หรอกที่ไม่อยากใช้งานนักเตะดาวรุ่ง และไม่อยากช่วยพัฒนานักเตะดาวรุ่ง แต่ปัญหาคือบางทีอะคาเดมี่ มันไม่มีคุณภาพพอที่จะผลิตนักเตะดาวรุ่งที่ดีออกมา แต่คุณก็จะเห็นว่าอะคาเดมี่ของเรา (สเปอร์ส) ผลิตนักเตะพรสวรรค์ชั้นยอดตามที่ทีมชุดใหญ่ต้องการมาได้โดยตลอด แน่นอนว่าผมตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับเรื่องแบบนั้นอยู่เสมอ"

3.มีปัญหากับบอร์ดบริหาร

ต่อเนื่องจากข้อดาวรุ่งนั่นแหละ ถ้าสมมุต น้ามู แกไม่ค่อยให้โอกาสดาวรุ่งจริงๆ ก็อาจจะขัดกับนโยบายของบอร์ดบริหาร และถ้าไม่ดันเด็ก ก็หมายความว่าต้องทุ่มเงินซื้อนักเตะใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องถนัดมากสำหรับ เฮียมู แต่เป็นเรื่องที่ ดาเนียล เลวี่ ประธานสโมสร และบอร์ดบริหารของ สเปอร์ส จะต้องช็อกแน่ๆ เพราะระดับ น้ามู จะซื้อใครบอกเลยไม่มีถูกๆ

ยิ่ง สเปอร์ส หมดเงินไปกับการสร้างสนามใหม่ จน โปเช็ตติโน่ เพิ่งจะได้ลืมตาอ้าปากใช้เงินเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังอดออมมาเป็นปีๆ แล้วด้วย ยิ่งยากมากที่จะยอมอนุมัตงบก้อนโตให้ มูรินโญ่ ได้ถลุงเล่น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็อาจจะนำมาซึ่งการแตกหักระหว่าง กุนซือกับบอร์ดบริหาร และใครๆ ก็รู้ว่า The Special One อย่าง มูรินโญ่ อีโก้สูงขนาดนี้ ไม่เคยยอมใครที่ไหนง่ายๆ แน่

สุดท้ายแล้ว ข้อดีที่ว่าจะดีจริงมั้ย ทำได้จริงรึป่าว หรือข้อที่น่าห่วงจะเกิดขึ้นบ้างมั้ย หรือไม่เกิดขึ้นเลย เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบเราได้ รอดูตอนต่อไปกันครับ

ชิน ชินพัฒน์

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0