วิเคราะห์แบ่งเขตเลือกตั้ง "บอนไซพรรคการเมือง" ?

การเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่ลดจำนวนเขตและ ส.ส.ลง ทำให้มีข้อสังเกตเรื่อง "บอนไซพรรคการเมือง" ภาพที่ชัดเจนคือ รัฐธรรมนูญ กฎหมาย กติกา ที่ว่าด้วยการเลือกตั้งและการได้มาซึ่งรัฐบาล มีเจตนาของการบอนไซพรรคการเมืองเดิม พยายามสลายขั้วการเมืองเก่า พอมาถึงช่วงเวลาที่จะต้องออกประกาศให้เป็นระเบียบปฏิบัติ ยิ่งเห็นภาพนั้นชัดขึ้นอีก

เดิมการเลือกตั้ง ภายใต้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ด้วยระบบสัดส่วน มี ส.ส.เขต 400 เขต ส.ส.สัดส่วน 80 คน ต่อมาในปี 2554 การเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไข ให้มี ส.ส.เขต 375 เขต และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 125 คน หากดูจากตัวเลข ระบบเลือกตั้งเดิมจะเทจำนวนไปที่ระบบเขต แต่ครั้งนี้โยกมาอยู่ที่บัญชีรายชื่อ

ประเด็นหนึ่งที่มีการตั้งที่ตั้งข้อสังเกตได้จากระบบเลือกตั้งแบบใหม่นี้ คือการให้ความสำคัญไปที่คะแนนโดยรวมของประเทศ ก่อนจะคำนวณและหักเป็นเก้าอี้ ส.ส.เขต แล้วจัดสรรคะแนนที่เหลือ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ นั่นอาจหมายความว่า คะแนนของคน ไม่สำคัญเท่าคะแนนของพรรคแต่ก็ยังเป็นทุนตั้งต้นเก้าอี้ส.ส.ในพรรคอยู่

เขตเลือกตั้ง จำนวน ส.ส.ตามประกาศของ กกต.ยึดตัวเลขประชากร วันที่ 31 ธ.ค.60 สรุปออกมา ภาคเหนือจากเดิม 36 คน ลดเหลือ 33 คน ภาคอีสานจากเดิม 126 คน ลดเหลือ 116 คน ภาคกลางจากเดิม 82 คน ลดเหลือ 76 คน ภาคใต้จากเดิม 53 คน ลดเหลือ 50 คน กทม.เดิม 33 คน ลดเหลือ 30 คน ส่วนพื้นที่อื่นโดยภาพรวมคงเดิม

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าบอนไซ หรือ เจตนาลดทอนกันจริงๆ จะได้รับผลกระทบทุกพรรค โดยภาคเหนือและอีสาน กระทบพรรคเพื่อไทย ภาคใต้และกทม. กระทบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อประกอบกับพฤติการณ์ "ดึงและดูด" อดีต ส.ส. ก็เท่าากับว่าเป็นการตัดฐานคะแนนของ 2 พรรคใหญ่ ยังไม่นับรวมพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นมา เพื่อตัดคะแนนกันโดยเฉพาะ

พรรคประชาธิปัตย์ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพรรครวมพลังประชาชาติไทย ตัดคะแนน หรือ พรรคอนาคตใหม่ ถ้าไม่ใช่พรรคสาขา ก็เกิดมาตัดฐานคะแนนพรรคเพื่อไทย สำหรับคะแนนที่บอนไซไปแล้ว หรือ ลดทอนออกมาจาก 2 พรรคใหญ่ ก็มีคำถามว่าแล้วจะไปตรงอยู่ที่ไหน…