"คุณอย่าสับสนระหว่างรถฟอร์มูล่า 1 กับรถโกคาร์ท สิ" คำเปรียบเทียบของ คาริม เบนเซม่า ที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียลที่บอกว่าตนเองนั้นเปรียบเหมือนรถฟอร์มูล่า 1 แต่เพื่อนร่วมชาติอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็แค่รถโกคาร์ท
ซึ่งด้วยคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดกระแสมากพอสมควรเกี่ยวกับวาทะที่ดูจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย หลายเสียงต่างยกมือสนับสนุนกองหน้าร่างใหญ่อย่าง ชิรูด์ ว่าอย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกา ก้มหน้าทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ปล่อยให้อีกฝ่ายบ่นพล่ามไปฝ่ายเดียว
ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราเลยจะนำข้อดีของ ชิรูด์ มาวิเคราะห์กันว่าเหตุใดหัวหอกรายนี้ถึงเป็นที่รักของเหล่ากุนซือ และมักจะมอบโอกาสลงสนามให้กับเขา จะมีอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย
เก็บบอล และจ่ายบอลได้
แน่นอนว่าด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่า 193 เซนติเมตร ของ ชิรูด์ มันสามารถสร้างประโชยน์ให้กับทีมมากขึ้นเมื่อต้องไปยืนค้ำอยู่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องดวลลูกกลางอากาศกับเหล่าบรรดาเซนเตอร์ฮาร์ฟของฝ่ายตรงข้าม หรืออีกจุดที่ดูเหมือนจะตรงข้ามแต่เขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมนั้นก็เรื่องของลูกภาคพื้นดินที่เจ้าตัวก็สามารถเก็บบอลไว้กับตัว และจ่ายต่อให้เพื่อนที่รวมทีมเล่นได้ง่ายแบบสุดๆ
ถ้านึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไรลองหลับตาจินตนาการ ชิรูด์ เมื่อครั้งสวมเสื้อของทีมชาติฝรั่งเศส ปีก 2 ข้างของเขาเต็มไปด้วยเหล่าจรวดทางเรียบไม่ว่าจะเป็น กรีซมันน์ หรือเอ็มบัปเป้ ซึ่งบอลส่วนใหญ่เมื่อขึ้นมาที่แดนบน ชิรูด์ จะเป็นผู้เก็บบอลไว้กับตัว ดึงตัวประกบไว้ที่เขาเสียส่วนใหญ่ เพื่อซื้อเวลาให้ปีกทั้ง 2 ฝั่ง หาพื้นที่ในการโจมตี และแน่นอนแผนนี้มันแยบยลจนคู่แข่งไม่ได้คาดคิด
"แน่นอนว่าผมก็อยากมีโอกาส และยิงประตูให้ได้ แต่ถ้าผมสามารถเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นได้ ผมก็จะพยายามหาทางเลือกที่ดีที่สุดให้ทีม และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด" คำกล่าวอ้างของ ชิรูด์ ต่อบทบาทดังกล่าว
ทัศนคติยอดเยี่ยม
นักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมต่อให้เก่งกาจมากขนาดไหนแต่ถ้าหากปราศจากทัศนคติคุณก็จบแห่ได้เมื่อนั้น ซึ่งสิ่งดังกล่าวมันมีเอ่อล้นอยู่เต็มตัวของ ชิรูด์ สิ่งนึงที่แฟนบอลมักมองเห็นอยู่ในตัวดาวยิงผู้นี้คือการทำงานเป็นทีมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
ทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดตามที่ผู้เป็นกุนซือวางหมากในสนามให้ ไม่ต้องมาคอยห่วงว่าตัวเองจะผลิตสกอร์ได้มากขนาดไหน ถึงแม้ตำแหน่งของเขาการยิงประตูคือสิ่งสำคัญที่สุดก็ตาม ซึ่งด้วยความที่เป็นคนแบบนี้ไม่แปลกเลยที่เหล่ากุนซือที่มีเขาเป็นลูกน้องมักจะหยิบเลือกใช้งาน เพราะบุคลิกที่เหมาะสมแบบนี้แหละทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นผู้ 'ติดทองหลังพระ' ตัวจริงเสียงริง
การกระทำเสียงดังกว่าคำพูด
เมื่อเอ่ยชื่อ ชิรูด์ ขึ้นมาสิ่งนึงที่แฟนบอลหลายคนนึกถึงนั้นคือการเป็นศูนย์หน้าแชมป์โลก 0 ประตู เพราะตลอดทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2018 ชิรูด์ ได้โอกาสลงสนามครบทั้ง 7 นัด (ตัวจริง 6 นัด) แต่ไม่อาจเบิกสกอร์ได้เลยสักประตูเดียว ทำให้เจ้าตัวถูกเสียงวิจารณ์อยู่มากพอสมควร
แต่ด้วยคอมเมนต์ และเสียงวิจารณ์ที่ถาโถมเข้ามา มันไม่ได้ทำให้กำลังใจของดาวเตะวัย 33 ปี นั้นเสียไปแต่อย่างใด ซึ่งถ้าเป็นนักฟุตบอลบางคนอาจออกมาโต้ตอบคำพูดเหล่านั้น แต่มันตรงข้ามกับ ชิรูด์ ที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไรแต่กลับใช้การทำงานอย่างหนักในสนามฝึกซ้อม บวกกับผลงานในสนามตอบแทนทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับฝีตีนของตนเอง จนกระทั่งได้รับเสียงชื่นชมว่านี้คือ โจ๊กเกอร์ ที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จครั้งใหญ่ของทัพ "ตราไก่" ภายหลังซิวแชมป์โลกสมัยที่ 2 มาครอบครอง
การยิงประตูก็ไม่เลว
ถึงแม้จะถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเพียงรถโกคาร์ท แต่ต้องยอมรับว่าตัวเลขสถิติการยิงประตูของ ชิรูด์ นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหัวหอกในระดับเดียวกันเลยสักนิกเดียว ไม่ว่าจะทั้งในนามทีมชาติ หรือสโมสร
ว่าแล้วถ้าลองจำแนกมากับเฉพาะทีมชาติฝรั่งเศส นับจนถึงตอนนี้ ชิรูด์ ซัดไปแล้ว 39 ประตู จากการลงสนาม 97 นัด เฉลี่ยแล้วก็ 0.40 ประตู/เกม ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลยทีเดียว
หรือมองไปที่ในระดับสโมสรต้องบอกว่าไม่ได้ขี้เหล่เลยสักนิด ว่าแล้วขออนุญาตแจกแจงเป็นแต่ละสโมสรเลยแล้วกัน …
- ตูร์ (2008-10) : ลงสนาม 67 นัด, ยิง 36 ประตู
- มงต์เปลลิเย่ร์ (2010-12) : ลงสนาม 85 นัด, ยิง 39 ประตู
- อาร์เซน่อล (2012-18) : ลงสนาม 253 นัด, ยิง 105 ประตู
- เชลซี (2018 - ปัจจุบัน) : ลงสนาม 76 นัด, ยิง 21 ประตู
จะเห็นว่าตัวเลขที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้แย่เลย ซึ่งนี่จึงเป็นอีกเหตุผลหลักๆ ว่าทำไมเหล่ากุนซือที่เจ้าตัวได้ร่วมงานด้วยจึงชอบใช้บริการเจ้าตัวอย่างบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะบทบาทเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง หรือเป็นสำรองคอยเปลี่ยนยามทีมต้องการสกอร์
ซึ่งจะว่าไปถ้า ชิรูด์ ถูกเปรียบเป็นรถโกคาร์ท คงเป็นโกคาร์ทคันใหญ่ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ไม่นอกลู่นอกทาง ไม่ปริปากบ่น และไม่สะทกสะท้านกับคำวิจารณ์จากเหล่าแฟนบอล หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมชาติของตัวเอง
