จากกรณีตำรวจวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องหาคดียาเสพติด บริเวณบ้านในหมู่ที่ 7 ต.เขาสามสิบหาบ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งผู้เสียชีวิตคือ นายชำนาญ ร่มโพธิ์รี หรือ เอ พังตรุ อายุ 40 ปี มีบาดแผลถูกกระสุนบริเวณแก้มขวา ทะลุท้ายทอย 1 นัด หลังจากผู้ต้องหาใช้ปืนยิงต่อสู้ โดยแม่ของผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูร่างของลูกชายและร่ำไห้
วันที่ 20 ส.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่งานศพที่บ้านของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า นางพรทิพย์ ร่มโพธิ์รี อายุ 63 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต และนายชูชัย ร่มโพธิ์รี อายุ 65 ปี พ่อของผู้เสียชีวิตที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า และมีอาการอิดโรย
นายวีรวัฒน์ ร่มโพธิ์รี อายุ 38 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ตาย เปิดเผยว่า ครอบครัวไม่ได้ติดใจทางคดี แต่ติดใจมนุษยธรรมการทำงานของตำรวจ เพราะตนเชื่อว่าชุดจับกุมต้องมีการฝึกและเรียนมา ตำรวจมาถึง 10 คน แต่มีผู้ต้องหาแค่คนเดียว อีกทั้งผู้ต้องหายืนอยู่ที่โล่งแต่ตำรวจอยู่ในที่กำบังทั้งหมด
และบุกเข้าไปจ่อยิงระยะใกล้ ตนจึงสงสัยว่าทำไมไม่มีการเกลี้ยกล่อมผู้ตายให้ยอมจำนนก่อน เพราะคนร้ายก็จนมุมแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นตำรวจ มีปืน แล้วจะยิงใครก็ได้ ผู้ตายยังมีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู รวมถึงเมียของผู้ตายก็เพิ่งตั้งครรภ์ได้ประมาณ 5 เดือน หลังเกิดเหตุทางครอบครัวไม่เคยได้รับแม้แต่คำขอโทษ หรือคำชี้แจงจากตำรวจ เพียงแต่บอกว่า “ถ้ามันไม่ยิงสู้ตำรวจ มันก็ไม่โดนยิง”
นายวีรวัฒน์ ยอมรับว่า พี่ของตนเป็นคนผิด แต่สำหรับครอบครัวและคนในหมู่บ้าน พี่ของตนเป็นคนดี ซึ่งตนอยากให้ตำรวจรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ไม่ต้องมาขอขมาศพ แค่เข้ามากล่าวขอโทษก็พอ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อความรู้สึกของครอบครัว ทั้งนี้ ตนมองว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เพราะในที่เกิดเหตุเป็นบ้านของคนอื่นที่กำลังก่อสร้าง และภายในบ้านก็มีช่างก่อสร้างอยู่ด้วย ถ้าคนอื่นถูกลูกหลงตำรวจจะทำอย่างไร
ด้าน พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ กันตะยศ ผกก.สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ยืนยันว่าตำรวจชุดจับกุมทำตามกระบวนการ ตำรวจจึงต้องยิงตอบโต้ป้องกันตัว ไม่เข้าข่ายความผิดทางวินัย
https://youtu.be/lVNdhphHpik