รายงานการติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 5 มิ.ย.63 ประเทศไทยมีเพิ่ม 1 ราย ยอดสะสม 3,102 ราย อยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) 165 ราย หายป่วยแล้ว 2,971 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม คงเดิม 58 ราย
ผู้ป่วยติดเชื้อ 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 45 ปี กลับจากประเทศคูเวต อาชีพรับจ้าง ถึงไทยวันที่ 24 พ.ค.63 ตรวจครั้งแรก 26พ.ค.63 ไม่พบเชื้อ ตรวจอีกครั้ง 3 มิ.ย.63 พบเชื้อไม่มีอาการ ทั้งนี้ คนไทยที่เดินทางจากคูเวตที่เข้าอยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ มียอดสะสม 174 ราย พบการติดเชื้อ 32 ราย คิดเป็นร้อยละ 18.79
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รายงาน วันนี้ เป็นวันที่ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 11 แล้ว
ขณะที่สถานการณ์โลก วันเดียวกัน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 129,860 ราย ยอดสะสมถึง 6,698,370 ราย เสียชีวิตรวม 393,142 ราย สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยอันดับ1ของโลก รองลงมาเป็น บราซิล แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ กลับเพิ่มมากกว่า ดูเส้นกราฟจะเห็นสีน้ำเงินของสหรัฐเริ่มโค้งลง แต่บราซิลดีดตัวสูงขึ้นเป็นรูปตัววี (V)
ที่น่าจับตามอง คืออินเดีย เป็นประเทศในเอเชียที่มีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด ขึ้นอันดับที่ 7 ของโลก ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 80
ในประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ป่วยสะสมมาก ๆ ย่อมโกลาหลกับการจัดการรักษาชีวิต การป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ ก็ต้องทำพร้อมกันด้วยความยุ่งยาก แต่ในประเทศที่การติดเชื้อน้อย แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ตลอดจนหน่วยบริการต่าง ๆ มีเพียงพอรองรับผู้ป่วยที่อาจมี การจะผ่อนคลายมาตรการ ให้ชีวิตและกิจการกลับมาดำเนินภายใต้วิถีใหม่ หรือนิวนอร์มอล ก็ทำได้ ทั้งมีเวลาทบทวน ศึกษาวิจัยโรคในแง่มุมต่างๆ
ประเทศจีน เปิดเผยรายงานวิจัยล่าสุด เก็บข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 จากการระบาดในเมืองอู่ฮั่น จำนวน 78 ราย แบ่ง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยที่แสดงอาการ 45 ราย และผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ 33 ราย
คุณหมอผู้ทำวิจัย พบว่าผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ มีอายุเฉลี่ย 37 ปี ส่วนกลุ่มแสดงอาการ อายุเฉลี่ยถึง 56 ปี
ศึกษาลึกลงรายละเอียด พบว่า ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ ภายนอกจะดูเหมือนปกติ แต่ปรากฏว่า การใช้ชีวิตโดยไม่รู้ว่าติดเชื้อ จึงแพร่เชื้อไปได้เฉลี่ยถึง 8 วัน และมีรายที่นานที่สุด 12 วัน ขณะที่ผู้ป่วยที่แสดงอาการ มีระยะการแพร่เชื้อเฉลี่ย 19 วัน สูงสุดถึง 24 วัน
คนที่ไม่แสดงอาการทั้ง 33 ราย ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่กลุ่มแสดงอาการ 45 ราย เสียชีวิตไป 2
ดังนั้นที่เห็นเดินเหินเป็นปกติในสังคม จะไม่มีทางทราบเลยว่า มีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการปะปนหรือไม่ ถ้ามี บุคคลนั้นก็จะแพร่เชื้อไปได้อย่างน้อย 8 วัน
การย้ำเตือนและการเฝ้าระวังด้วยวิธีตรวจหาเชื้อเชิงรุกกับกลุ่มเสี่ยงให้มากขึ้น พร้อมกับการคงมาตรการป้องกัน ไม่ให้มีการรวมตัวกันอย่างแออัด จึงจำเป็น
เช่นกัน ประชาชน คนทั่วไป ก็ต้องตระหนักถึงการระวังป้องกันการแพร่เชื้อและการติดเชื้อ เป็นความระวัง รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคมที่บกพร่อง ละเลยไม่ได้
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้เปิดเผยผลสำรวจการเฝ้าระวังฐานวิถีชีวิตใหม่ ตามแนวทางสุขบัญญัติแห่งชาติช่วงการระบาดของโควิด-19 ระหว่างวันที่ 19-26พ.ค.63 จากกลุ่มตัวอย่าง 577 คน พบว่าอยู่ในระดับดี สุขบัญญัติที่มากที่สุด คือการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อไปในแหล่งชุมชนหรือพื้นที่เสี่ยงมีถึง 99.1%
การล้างมือบ่อย ๆ ก็ 98.8%
ที่สังเกตอาการทางสุขภาพตนเองและคนในครอบครัว ก็ได้คะแนนตั้ง 98.4
แต่ที่ทำน้อยที่สุด คือสุขบัญญัติ ให้สระผมทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน ไม่ปฏิบัติกัน 47.8%
ที่ให้กินอาหารเป็นชุดสำหรับ 1 คน ก็ไม่ปฏิบัติ ร้อยละ 32.2
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ มีคนไม่ปฏิบัติร้อยละ 26.9
อันนี้ คุณหมอ จึงขอร้องว่า ช่วยปฏิบัติตามแนวทางสุขบัญญัติให้เป็นนิสัย จะช่วยป้องกันความเสี่ยงภัยจากโรคโควิดไม่กล้ำกราย และได้สุขภาพแข็งแรง
โดยเฉพาะเมื่อการผ่อนคลายกำลังขยายขอบเขตจนใกล้เคียงภาวะปกติก่อนโควิดระบาด
แต่เราจะย้อนอดีตไปใช้ชีวิตแบบวันนั้นไม่ได้
ประเภททดีใจได้เที่ยวบางแสนช่วงวันแรกเปิดรอบใหม่ ถือเป็นวิถีเก่าที่ต้องลืมเสีย
จะนั่งชายหาด จะกิน จะเที่ยวที่ไหน ต้องใหม่หมด
ยุคนิวนอร์มอล…เข้าใจนะ!