สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะเรื่องสับปะรด มีเสียงครวญจากเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในจ.เชียงราย ยกตัวอย่างเช่น คุณ สุภาภรณ์ ดวงแก้ว ที่ได้โพสท์ลงเฟซบุ๊คส่วนตัว ข้อความว่า
"ปีนี้คิดว่าจะโฟสต์เรื่องสับประรดแล้วดูเอาสับประรดนางแลและภูแลตอนนี้แทบไม่ได้ ขายปีนี้ราคาถูกแต่ไม่มีคนซี้อยิ่งกว่าปีที่แล้วอีก หน่วยงานไหนก็ไม่มาช่วย ตอนที่จะเอาผลงานให้อบรมนั่นอบนี่ชาวสวนก็ไป แต่พอสับประรดไม่ได้ขายชาวสวนเดือดร้อนไม่เห็นใครยื่นมือเข้ามาช่วยสักราย แปรรูปก็แปรไม่ไหวมันเยอะมากทางออกสุดท้ายก็ให้วัวกินอย่างเดียวแล้วปีนี้จะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ละพี่น้องๆ"
คุณ สุภาภรณ์ โพสท์ด้วยว่า จากราคาสับปะรดในขณะนี้ หลายพื้นที่ขายสับปะรดตกกิโลกรัมละ 1 บาท ถือว่าเป็นราคาตกต่ำสุดขีด
ซึ่งทั้งนี้ราคาสับปะรดถือว่าตกต่ำมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา จากราคากิโลกรัมละ 2 บาท ลงมาเหลือ 1 บาท โดยถือว่าตกต่ำแบบสุดขีดในรอบ 10 ปี
ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจด้านอื่นๆ ล่าสุด นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยผลการก่อหนี้รายจ่ายลงทุนในรอบ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2561 หรือ เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2560 ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ปี 2561 ว่า ไทยมีการก่อหนี้แล้วทั้งสิ้น กว่า 400,000 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ที่แล้ว 38,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการเร่งรัดการก่อหนี้และการเบิกจ่ายเงินด้านการลงทุน
แต่อย่างไรก็ตาม นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ถึงแม้การก่อหนี้ในครั้งนี้จะมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทย เพราะสัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย ยังอยู่ในระดับ 43-45 % ของ GDP ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าเป็นห่วง ประกอบเป็นการก่อหนี้ตามประมาณการณ์งบประมาณรายจ่ายของประเทศ ทำให้นักลงทุนต่างชาติ ยังคงไม่มีความกังวลด้านการลงทุน สังเกตได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงในช่วงนี้
