โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

วิกฤติชาเขียว ยังดำเนินต่อไป

ลงทุนแมน

อัพเดต 16 ส.ค. 2561 เวลา 11.08 น. • เผยแพร่ 17 ส.ค. 2561 เวลา 11.40 น. • ลงทุนแมน

วิกฤติชาเขียว ยังดำเนินต่อไป / โดย ลงทุนแมน

หนึ่งในตลาดเครื่องดื่มที่ท้าทายที่สุดในขณะนี้
คงไม่พ้นชื่อของ “ชาเขียว”
เพราะนอกจากความนิยมที่ลดลงแล้ว
ยังโดนในเรื่องของภาษีที่เพิ่มเข้ามาอีกด้วย

แล้วบริษัทที่อยู่ในตลาดนี้กำลังปรับตัวไปในทิศทางไหน?

ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของกลุ่มบริษัทชาเขียว

บริษัท อิชิตัน (ICHI) มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,333 ล้านบาท ลดลง 7.4% เมื่อเทียบกับปีทีแล้ว

สาเหตุหลักมาจาก ตลาดชาเขียวภายในประเทศไม่เติบโต

นอกจากนั้น ในเรื่องของภาษีสรรพสามิตและภาษีน้ำตาลก็ยังคงส่งผลกระทบเหมือนกับในไตรมาสก่อน

ทำให้ต้นทุนการขายเพิ่มขึ้นจาก 77% เป็น 84% เมื่อเทียบกับรายได้

และเมื่อเราไปดูที่กำไรสุทธิของบริษัท อิชิตัน จะพบว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ขาดทุนอยู่ที่ 30.4 ล้านบาท

ถ้าเราลองดูผลกำไรไตรมาสที่ 2 ย้อนหลังในแต่ละปี ของบริษัท อิชิตัน

ปี 2558 กำไร 325 ล้านบาท
ปี 2559 กำไร 142 ล้านบาท
ปี 2560 กำไร 90 ล้านบาท
ปี 2561 ขาดทุน 30 ล้านบาท

เราจะเห็นว่าผลกำไรของบริษัทกำลังถดถอยลงอย่างน่าตกใจ

และถ้าใครเคยสังเกตดูจะพบว่า ในไตรมาสนี้อิชิตันเองก็มีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างชา Shizuoka ที่จับกลุ่มตลาดชาพรีเมี่ยม แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้บริษัทฟื้นตัวขึ้นมา

แสดงว่า ตลาดชาในประเทศอาจจะกำลังหมดทางออกแล้วจริงๆ

ทีนี้เรามาดู บริษัท โออิชิ (OISHI) ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดชาเขียวเองก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน

ในไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้ในหมวดเครื่องดื่ม 1,715 ล้านบาท ลดลง 4% หรือ 72 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ตลาดชาเขียวโดยรวมลดลง

ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 293 ล้านบาทลดลง 28.9%

ถ้าเราลองดูผลกำไรย้อนหลังของบริษัท โออิชิในช่วงเวลาเดียวกัน
ปี 2558 กำไร 189 ล้านบาท
ปี 2559 กำไร 469 ล้านบาท
ปี 2560 กำไร 412 ล้านบาท
ปี 2561 กำไร 293 ล้านบาท

บริษัท โออิชิเองก็มีแนวโน้มของกำไรลดลงไม่แพ้อิชิตันเช่นกัน

แต่โออิชิยังคงมีข้อได้เปรียบในการเป็นผู้นำตลาดประกอบกับตัวบริษัทเองมีธุรกิจที่เป็นร้านอาหารอยู่ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากตลาดเครื่องดื่มลงไปได้

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าเราสังเกตดีๆ เราจะพบว่า ทั้งสองบริษัทมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน

ซึ่งก็คือ การที่มียอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

รายได้การส่งออกของบริษัทอิชิตัน และ โออิชิ เติบโตขึ้น

ในขณะที่ความนิยมของตลาดชาในประเทศลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในประเทศอื่นจะลดลงไปด้วย

อย่างที่เราเห็นในไตรมาสนี้ ทั้งสองบริษัทพยายามนำยอดขายจากต่างประเทศมาช่วยบรรเทาผลกระทบตลาดในประเทศลง

และถ้าเรามาดูยอดขายโดยประมาณของตลาดชาทั่วโลก

ปี 2015 อยู่ที่ 1,238,000 ล้านบาท
ปี 2016 อยู่ที่ 1,275,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3%
ปี 2017 อยู่ที่ 1,311,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3%

แปลว่าตลาดชาทั่วโลกเองก็ยังคงมีการเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง

ในอนาคตถ้าทั้ง 2 บริษัทสามารถทำยอดขายจากตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นก็อาจจะทำให้บริษัทรอดพ้นจากวิกฤติตลาดชาในประเทศไปได้

แต่ตอนนี้เราก็คงต้องเอาใจช่วยเหล่าบริษัท อิชิ กันต่อไป..
———————-
คนดื่มชาเขียวน้อยลง แต่ลงทุนแมนยังคงมีบทความให้อ่าน ติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ แบบเรียลไทม์ได้ที่แอปพลิเคชันลงทุนแมน โหลดฟรีทั้ง iOS และ android blockdit.com/app
.
หนังสือลงทุนแมนให้อ่านยามว่าง เล่ม 1.0-5.0 ซื้อได้ที่ลิงก์นี้ lazada.co.th/shop/longtunman
.
อินสตาแกรม ไว้ดูภาพสวยๆ instagram.com/longtunman
.
ทวิตเตอร์กระชับฉับไว twitter.com/longtunman
.
ไลน์ส่งข้อความตรงวันละครั้ง line.me/R/ti/p/%40longtunman
———————-

References
-http://portal.settrade.com/simsImg/news/histri/201808/18072684.pdf
-http://portal.settrade.com/simsImg/news/histri/201808/18074574.pdf
-https://www.statista.com/statistics/326384/global-tea-beverage-market-size/
[9115].

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0