เคยได้ยินนิทานธรรมะของเซน เล่าว่า
ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตของตนน่าเบื่อ จึงขอพบพระอาจารย์ เพื่อขอคำชี้แนะ ว่าทำอย่างไรตนจึงจะมีความสุข
พระอาจารย์ไม่กล่าวอะไร แต่หยิบตะกร้าไผ่ใบหนึ่ง นำชายหนุ่มมายังริมแม่น้ำเล็กๆ พระอาจารย์ก็บอกกับชายหนุ่มว่า
"เจ้าเห็นก้อนหินที่อยู่ตามทางนั่นไหม นับจากนี้ เมื่อเจ้าเดินก้าวหนึ่ง จงหยิบขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วใส่ไว้ในตะกร้าไผ่ข้างหลัง ตกลงไหม?”
ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจเจตนาของพระอาจารย์ แต่เมื่อเห็นก้อนหินมากมายริมแม่น้ำ ก็เดินหยิบก้อนหินใส่ตะกร้าไผ่
ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า และหนักมากเกินกว่าจะทำให้จิตใจเบิกบาน
ในที่สุดเขาก็เดินไปจนสุดทาง พระอาจารย์ถามเขาว่า " รู้สึกอย่างไรบ้าง "
เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ "ตะกร้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะแบกไม่ไหวแล้ว ! "
พระอาจารย์กล่าวว่า “รู้แล้วหรือยัง เหตุใดเจ้าจึงหนักและไม่มีความสุข ก็เพราะเจ้าแบกสิ่งของไว้มากเกินไป”
จากนั้นพระอาจารย์ก็หยิบก้อนหินในตะกร้าออกมาทีละก้อน พลางพูดว่า.. " ก้อนนี้คืออำนาจ ก้อนนี้คือเงินทอง ก้อนนี้คือหญิงงาม ก้อนนี้คือความกลัดกลุ้ม ก้อนนี้คือความเหงา…"
เมื่อก้อนหินเหล่านั้นถูกโยนทิ้งไป ชายหนุ่มสะพายตะกร้าไผ่ขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกเบาโล่ง ทำให้เขาได้สติขึ้นในฉับพลัน
เพียงแค่เขาไม่แบกสิ่งเหล่านี้ไว้กับตัว
ทั้งใจและกายก็เบาลงได้แล้ว
ในความเป็นจริง การที่เราจะปล่อยวางสิ่งใดได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องเผชิญหน้า ไม่ใช่หลีกหนี เรียนรู้ และพิจารณาจนเกิดความเข้าใจ ใช้ธรรมะหรือการมองโลกในแง่บวก ขัดเกลาให้สิ่งที่ยึดติดในตัวเราให้ลดลง ถึงจะปล่อยวางได้
เรียนรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่จีรังยั่งยืน ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีสิ่งใดที่ควรยึดเป็นของเรา
เมื่อวางได้ก็คลายความยึดติด จิตก็จะเบาสบายมีความสุข
ให้ดาวนำทาง #6: วางได้ ใจไม่ทุกข์
มัดใจ