โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

วันนี้คุณรู้สึกอย่างไร? ชวนสำรวจความรู้สึกของตัวคุณด้วยการระบายสี ผ่าน 365 วันปฏิทินแห่งความสุข (Happiness Calendar) และ การ์ดเกม

LINE TODAY

เผยแพร่ 08 มี.ค. 2563 เวลา 08.07 น. • Expinion.J

Happiness Calendar หรือ ปฏิทินความสุข  เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นโฆษณาหนึ่งบนโซเชียลมีเดียที่พูดถึงการทบทวนและสำรวจตัวเองโดยการใช้สีต่างๆเป็นตัวแทนความรู้สึกของคุณในแต่ละวัน เช่น สีเหลือง แทนวันที่คุณมีความสุข สีเขียว แทนวันที่ปกติธรรมดา หรือ สีดำ แทนวันที่คุณมีความทุกข์ แล้วระบายลงในปฏิทิน เพื่อมาดูว่าใน 365 วัน แต่ละวันคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? แล้วเราก็ไปพบว่ากลุ่มที่ทำเรื่องนี้ออกมาก็คือ เว็ปไซต์และเพจ “ความสุขประเทศไทย” วันนี้ทาง LINE TODAY จึงเชิญ พี่หนุ่ม ธีรพล เต็มอุดม พี่แอน โสมรัสมิ์ เรืองรัตน์ และ พี่เล้ง โชติศักย์ กิจพรยงพันธ์ จากทีมความสุขประเทศไทย  มาบอกเล่าถึงแคมเปญนี้และวิธีการอื่นๆ อย่างการเล่นการ์ดเกม ที่จะทำให้เราเข้าถึงความสุขง่ายๆจากการสำรวจตัวเอง ได้อย่างไร? 

ทางทีม บอกกับ LINE TODAY ว่า เว็ปไซต์ และ เพจ ความสุขประเทศไทย เป็นที่ๆทุกคนสามารถเข้าไปหาแหล่งที่จะค้นพบการสร้างความสุขให้ตัวเอง พัฒนาจิตใจ ได้ดูแลตัวเอง และได้ค้นพบเรื่องที่สามารถทำให้มีความรักในตัวเอง มีความสงบในจิตใจ แล้วก็มีการใช้ชีวิตที่เป็นสมดุลได้อย่างไร ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่อยู่ข้างหลังเว็ปไซต์ความสุขประเทศไทย

จริงๆแล้วโดยทั่วไปในสังคมไทยตามวัฒนธรรม เราเชื่อว่าเวลาที่เราจะเข้าถึงความสุข ที่เป็นความสุขลึกๆเรามักจะนึกถึงการไปปฏิบัติธรรม วิปัติสนา ซึ่งมันเป็นเพียงวิธีการหนึ่งเท่านั้น จริงๆแล้วมันมีหลายช่องทางกว่านั้นที่ทำให้เราเข้าถึงความสุขได้ ในตัวเว็ปไซต์ ความสุขประเทศไทย (http://www.happinessisthailand.com) / (เรามีกิจกรรมแบ่งออกเป็น 8 หมวด หรือ 8 ช่องทางสุขใจ ได้แก่ การสัมผัสธรรมชาติ การทำงาน การเคลื่อนไหวร่างกาย ความสัมพันธ์ ศิลปะ การภาวนา งานจิตอาสา การศึกษาเรียนรู้ เพราะเราเชื่อว่าแต่ละคนเข้าถึงได้หลากหลายช่องทางตามเงื่อนไขและปัจจัย อาจจะเป็นช่วงวัย ความสนใจ หรือช่วงเวลานั้นๆ

โดยในแต่ละหมวดก็จะมีคอนเทนต์ที่ เป็นแนว story telling (เล่าเรื่อง) บอกเล่าเรื่องราวดีๆของคนอื่นที่จะทำให้เราค้นพบความสุขง่ายๆที่อยู่ใกล้ตัว เพราะ story telling มันง่ายที่จะทำให้คนได้เห็นเลย มากกว่าการบอก ข้อมูล (information) เราจะให้ แนวทาง แรงบันดาลใจ วิธีการเป็นหลักในการบอก บางอย่างจะ มี เครื่องมือ (tool) หรือ กิจกรรม (practice) ให้ บางอย่างจะชี้ทางให้ไปหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องได้

 เช่น ถ้าเข้าไปที่ช่องเคลื่อนไหวร่างกายเราจะเจอว่าในช่องนี้เป็นมหาสมุทรเเห่งโอกาสที่จะไปถึงเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่บอกเล่าถึงเรื่องการออกกำลังกายแบบ ไทเก็ก ชี้กง หรือว่าโยคะ การออกกำลังกายพวกนี้บางทีมันมีเส้นแบ่งบางๆระหว่างการทำให้ร่างกายแข็งแรงกับทำไปเพื่อให้กายกับใจได้เรียนรู้ ไปด้วยกัน ทั้งสามอย่างเป็นเรื่องที่ทำไปแล้วได้ดูแลจิตใจไปด้วย มันไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย พอกายเหนื่อย ใจมันก็ฟุ้งไปไม่ได้ มันเริ่มเห็นชัดมากขึ้นว่าการเคลื่อนไหวร่างกายมันไม่ใช่เพียงแค่เพื่อออกกำลังกายแต่พัฒนาจิตได้ด้วยอย่างไรบ้าง

หรือ เรื่องความสัมพันธ์ ช่องเรื่องความสัมพันธ์เนี่ย หลายครั้งเราไม่รู้ว่าเครื่องมือง่ายๆอย่างเรื่อง “การฟัง” เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ให้เราได้เห็นตัวเองแล้วก็เข้าถึงคนอื่น บางครั้งเราไม่รู้ว่าช่วงเวลาสำคัญหนึ่งๆ อย่างเวลาที่เรามีปัญหา แล้วเพื่อนสนิทเรานั่งฟัง อยู่กับเราเงียบๆตรงนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ได้ไปคิดถึงเรื่องอื่น รู้สึกไปกับเรา moment นั้น ช่วงขณะเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนให้คุณภาพเรื่องการฟังออกมา ตอนนั้นใจมันจะเปิดถึงกัน เชื่อมโยงถึงกัน อันนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่เราทำงานแล้วก็ทำให้เห็นว่าหนึ่งในเรื่องของความสัมพันธ์ที่ทุกคนทำได้คือ ฝึกฝนในเรื่องการฟังที่ไม่ได้ฟังแค่ว่า เขาพูดอะไร แต่รับรู้ว่า เขาเป็นอย่างไร และเราเป็นอย่างไรในขณะที่ฟังด้วย 

ซึ่งเราก็จะ มี Activites on ground หรือกิจกรรมให้คุณได้มีประสบการณ์ตรง ที่เราจัดเอง ทุกเดือนเดือนละครั้ง เรียกว่า “กิจกรรมฟังสร้างสุข”

โดย กิจกรรมฟังสร้างสุขจะให้เราไปมีประสบการณ์ตรงเรื่องการรับฟังในแบบที่มีคุณภาพ เราอาจจะมีการวางโครงสร้าง วางกรอบอะไรบางอย่างพาคนให้ไปเจอว่าการฟังที่เรียกว่าการฟังจริงๆมันเป็นอย่างไร ให้เค้าได้สัมผัสด้วยตัวเอง จะไม่ได้ไปเลคเชอร์หรืออะไร เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิด เพราะปกติเวลาเราพูดถึงหลักการฟังทั่วๆไป เค้าก็จะบอกว่า เราต้องจับประเด็นเนื้อหาให้ได้ มองหน้าผู้พูด จดบันทึก ทวนสรุป ซึ่งอันนี้เป็นการฟังแค่เนื้อหา แต่ถ้าเป็นการฟังที่เข้าถึงใจ มันมีหลายเรื่องมากที่สำคัญไปกว่านั้น อย่างที่บอกว่า ตามองกันเนี่ย ถ้าเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่เราให้ความสำคัญ มันไม่ใช่แค่ตามองเพราะว่าเราสนใจคนตรงหน้า แต่ตามองเพราะว่า เราบอกให้เค้ารู้ว่าเราอยู่ตรงนี้กับเค้าร้อยเปอร์เซ็นต์ ความสนใจของเราอยู่ที่เขา แล้วเราจะไม่ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากฟังสิ่งที่เขาจะพูดออกมา เพราะการฟังที่ยิ่งไปกว่าเนื้อหาก็คือ การฟังความรู้สึก เป็นสิ่งที่เราละเลยกันในปัจจุบัน เพราะเวลาเราคุยกันเราจะเน้นว่าบทสรุปเป็นอย่างไร แต่ถ้าเราฟังความรู้สึก เราอยู่กับคนตรงหน้าร้อยเปอร์เซ็นต์เนี่ย เราจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของคนตรงหน้า บางทีเราฟังกันแล้วเรารู้สึกตามไปด้วย เสียใจตามไปด้วย ตรงนั้นคือสะพานความรู้สึกมันเชื่อมกัน แบบนี้เป็นสิ่งที่บอกว่า คุณภาพ (quality) ของการอยู่ด้วยกันมัน 100 เปอร์เซ็นต์ ที่เราฟังทั้งความคิด ความรู้สึก เราเปิดรับคนอื่นในขณะเดียวกันเราก็อยากให้คนอื่นเปิดรับเราเหมือนกัน ถึงบอกว่า เรื่องความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน

มีครั้งหนึ่ง หลังทำกิจกรรมมีคนที่เป็นครูมาบอกว่าที่ผ่านมาเค้าแกล้งฟังนักเรียนมาตลอด เขียนงานไปแล้วนักเรียนมีอะไรก็ให้พูดๆมา ไม่รู้เลยว่าไม่ได้อยู่กับนักเรียนจริงๆเลย กลับไปก็จะไปอยู่กับนักเรียนตัวเองให้มากขึ้น

หรือ นักดนตรี เค้าบอกว่าเราเป็นนักดนตรีต้องฝึกฟังแยกเสียงแยกอะไรให้ได้ แต่เวลาเราคุยกับคนเราไม่ได้ฟังเค้าให้เข้าถึงความรู้สึกเลย 

“เราคิดว่าความรัก ความสัมพันธ์เนี่ย คือการที่ซื้อของให้ ทำโน่นทำนี่ให้ แต่การฟังเป็นการแสดงความรักที่มีคุณภาพมีคุณค่า แล้วมัน connect เชื่อมโยง ระหว่างเค้าและเราแล้วเค้ารู้สึกถึงสิ่งนี้ จดจำได้ สิ่งนี้มันจะมีความหมายกับเค้ามากกว่า”

เราทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวเว็ปไซต์กันมาพอสมควร คราวนี้เราอยากจะรู้ถึงรายละเอียดของแคมเปญ

Happiness Calendar ปฏิทินความสุข ว่าเป็นมาอย่างไร 

Happiness Calendar หรือ ปฏิทินความสุขเป็นแคมเปญที่ต้องการทำให้เราได้ทบทวน สำรวจตัวเอง ถ้าเราอยากรู้ว่าความสุขอยู่ที่ไหน อยากรู้จักตัวเองมากกว่านี้ได้อย่างไร เราก็ทำการบ้านมาว่า “Naikan” (ในกัน) เป็นวิธีการหนึ่งของคนญี่ปุ่นที่จะมีโอกาสได้ใช้เวลาทบทวนตัวเอง เราต้องการให้คนได้เข้าใจว่า ความสุขมันก็ยังอยู่ที่เรา ตาเรามองออกไปข้างนอก แต่เราไม่เคยได้ย้อนกลับมาที่ตัวเรา ที่เรานั่งกันอยู่ ใน 1 วันมันไม่ได้มีความสุขตลอดแล้วมันก็ไม่ได้มีความทุกข์ตลอด ทุกสิ่งอย่างมันขึ้นอยู่กับว่าเราไปมองเห็นอะไร แล้วก็ตีความหมายให้กับมันอย่างไร

ในทุกๆวัน ใน 365 วันของ Happiness Calendar เนี่ย จะไม่ใช่อะไรที่เป็น routine แบบวันๆหนึ่งหมดกันไป จริงๆทุกวันมีเหมือนเดิมทั้งความสุขและความทุกข์ แล้วก็วันที่แบบกลางๆธรรมดา แต่ว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าใน 1 วันเราได้ไปมองมัน ไปสำรวจมัน ว่าวันนี้ความสุขเราอยู่ระดับสีอะไร สีเหลือง วันที่คุณมีความสุข สีเขียว วันที่ปกติธรรมดา สีชมพู วันที่ได้รับหรือให้ความรัก สีส้ม วันที่สุขใจเพราะได้ทำสิ่งดีๆ สีน้ำเงิน วันที่เสียใจ สีม่วง วันที่แปรปรวน สับสน สีแดง วันที่หงุดหงิด โมโห และ สีดำวันที่คุณมีความทุกข์ แล้วบันทึกมันลงไปในปฏิทิน มันจะทำให้เราได้เห็นภาพมากขึ้น แน่นอน แอพพลิเคชั่นมันก็ง่ายที่ได้กดๆ แต่อันนี้เราตั้งใจจริงๆที่จะให้สัมผัสทั้งหมดของการที่มือได้ระบายลงไป แล้วค่อยๆคิด ว่าในแต่ละวันรู้สึกอย่างไร จริงๆมันเป็นความละเอียดอ่อนมาก ที่เราอยากเชิญชวนให้ทุกคนเนี่ย รู้สึกถึงมือที่ต้องสัมผัส ต้องสื่อสารกับความรู้สึกของเราในแต่ละวัน

เราจะเห็นว่าสีดำหรือสีเทามันมีสักกี่วันเชียวกันเหรอ แล้วเรามักจะตีความว่า ชีวิตเราทุกข์มากเลย ทุกข์ของเราจริงๆลืมไปหรือเปล่าว่ามันมีแค่ 2 วัน จากทั้งหมดใน 7 วัน แล้วจริงๆมันก็จะมีแบบ ขยับไปสีเขียว สีเหลือ หรือ สีชมพู แล้วมันก็อาจจะกลับไปเป็นเทาอีกก็ได้นะ แต่แล้วยังไงหละ มันก็ดีนี่หว่าที่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีดำทั้งหมดไง แต่เรามักจะให้ความหมายแล้วไปตัดสินมันว่าโคตรทุกข์เลย

ขอบคุณวิดีโอจากเพจ ความสุขประเทศไทย

นอกจาก Happiness calendar แล้วพี่แอนยังแนะนำ อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสำรวจตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้น ด้วยความใจดีของพี่แอนได้ส่ง การ์ดเกม มาให้เราได้ลองเล่นกัน เรารู้สึกว่า "การ์ดเกม Happiness Explorer" ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้ทบทวนชีวิตเราที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะบางคำถามมันเป็นคำถามที่เราไม่เคยถามกับตัวเองเลยด้วยซ้ำ

โดยทีมความสุขประเทศไทยเล่าว่า คอนเซ็ปต์ของการ์ดเกมเราอยากชวนให้ทุกคนกลับมาสำรวจตัวเองในหลายๆมิติ เพราะบางทีเราอาจจะหลงลืมบางด้านของชีวิตเราก็ได้ ลองค้นหาดูว่า มีความสุขอะไรในชีวิตเราอีกบ้างที่เราอาจจะลืมไปหรือยังไม่เคยสังเกตเห็น นั้นเป็นที่มาของเกมการ์ด โดยตัวการ์ดมันจะแบ่งเป็น 8 ด้าน ต่างๆ ได้แก่ การเงิน การงาน ความคิด จิตใจ ความสัมพันธ์ ร่างกาย บรรยากาศ จิตวิญญาณ เพื่อให้เราได้ตั้งคำถามบางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยถามกับตัวเองเลยตั้งแต่เกิดก็ได้ โดยวิธีเล่นมีทั้งเล่นคนเดียว และเล่นเป็นกลุ่ม การ์ดชวนให้เราได้เปลี่ยนมุมมอง บางทีเราก็นั่งอยู่ตำแหน่งเดียว แต่การ์ดทำให้เราได้ลองเปลี่ยนที่นั่งดูแล้วก็มองชีวิตเราใหม่ คำถามเดียวกันแต่ได้เห็นหลายแนวคิด หลายคำตอบจากคนอื่น ใน 64 ใบเราเชื่อว่าทุกๆใบเนี่ยมันคือสิ่งที่คุณยังอยู่ในวังวนแบบนี้แหละ เราจะเห็นทั้งความคิดเค้าและมุมมองเรา

ไพ่เนี่ยมันตั้งคำถามให้ว่า ทุกวันนี้เราคิดว่าความสุขมันซุกอยู่ที่ไหน เพราะส่วนใหญ่เราคุยกันแต่เรื่องข้างนอก เรื่องคนอื่น เรื่องงาน เรื่องทุกอย่างที่ไม่ใช่เรื่องเรา เราไม่เคยกลับมาคุยกับตัวเราเองเลย เราบอกว่าเรารักตัวเองแต่เราไม่เคยได้ใส่ใจตัวเอง ด้วยการกลับมาคุยกับเค้า ว่าเค้าอยากได้อะไร เค้าทุกข์อะไร วันนี้เค้าเจออะไรบ้าง

หลายคนอาจจะยังวิ่งหาความสุข อาจจะมีคำถามว่าเมื่อไหร่เราจะมีความสุขสักที  เราอยากจะบอกเค้าว่าอะไร 

จริงๆมันถูกต้องของมันนะคะ หมายถึงว่าจริงๆคนเรามันไม่ได้มีแบบเดียว ความสุขมันไม่ได้มีวิธีการเดียว ทุกวันนี้มันเป็นความเป็นธรรมชาติของมัน อย่างการที่เราได้ซื้อของที่ตอบโจทย์เรา เช่น ซื้อรถ ซื้อคอนโดใกล้บีทีเอส เราสะดวกขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เราสะดวกและมีความสุขมากขึ้น เราเห็นด้วยกับการหาในสิ่งที่เราหาได้และทำให้เรามีความสุขขึ้น สะดวกสบายขึ้น แต่อีกอันหนึ่งมันซ่อนอยู่นะ ซึ่งเราไม่ต้องไปหา แค่กลัวว่าทุกคนจะลืม ลองดูว่ามันมาอยู่ที่ตัวเราหรือเปล่าแล้วเราไม่ต้องวิ่งไปไกล มันยังอยู่ที่ตัวเรานี่แหละ เราแค่ไม่เห็นมันและไม่ได้กลับมาดูแลมันจริงๆ

สำหรับใครที่อยากลองไปเล่น "การ์ดเกม Happiness Explorer" ก็จะมีวางไว้ให้เล่นอยู่ตามร้านกาแฟ เล่นร้านบอร์ดเกม แต่มีเฉพาะบางแห่งเท่านั้นนะ

ร้าน School Cafe Warm Bat ช่องนนทรี

ร้าน แรกกระดาน รังสิต

ร้าน อุดมสุข coffee happy & more

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0