โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

วอนช่วยหนุ่ม ม.3 พี่สาวตาย พ่อมะเร็งระยะสุดท้ายนอนข้างโลง แถมแม่โรครุม

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 12 ธ.ค. 2562 เวลา 15.55 น. • เผยแพร่ 12 ธ.ค. 2562 เวลา 15.55 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ชีวิตยิ่งกว่าละคร หนุ่ม ม.3 ที่ขอนแก่นต้องหยุดเรียนจัดงานศพให้พี่สาว สลดพ่อแม่ป่วยมะเร็งเบาหวาน นอนติดเตียง นอนข้างโลงศพลูกสาว หลั่งน้ำตาบอกใกล้ตายไม่มีเงินใช้หนี้ วอนคนใจบุญช่วยเหลือลูกชาย
มีเพจข่าวที่จังหวัดขอนแก่น โพสต์ในโซเชียลแจ้งข่าว ขอความช่วยเหลือ นายวัชรพงษ์ ดวงเกวียน หรือน้องต่อ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านไผ่ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 68 ม.1 บ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ลาโรงเรียนจัดงานศพพี่สาว ที่เพิ่งเสียชีวิต ด้วยอาการไตวาย ตั้งสวดอภิธรรมศพที่บ้านและดูแลพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แม่ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในบ้าน
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 12 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ดังกล่าว พบว่ามีเพื่อนบ้านมาช่วยจัดงานศพของนางสาว ธิดารัตน์ ดวงเกวียน อายุ 26 ปี พี่สาวของน้องต่อ ในขณะที่ภายในบ้านก็มีโลงศพ ซึ่งเป็นโลงเย็นของผู้ตายตั้งอยู่กลางบ้าน โดยมี นายสมาน ดวงเกวียน อายุ 65 ปี พ่อ และ นางบุญยืน ดวงเกวียน อายุ 55 ปี แม่ นอนอยู่ใกล้ๆโลงศพ

ผู้เป็นพ่อนั้นมีสภาพร่างกายที่ซูบผอม หนังหุ้มกระดูก นอนอยู่บนที่นอนและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จากการพูดคุยทราบว่า พ่อเป็นเบาหวานมากว่า 10 ปี กระทั่งช่วงกลางปี ที่ผ่านมา พ่อมีร่างกายอ่อนแรง ไปตรวจที่โรงพยาบาลพบก้อนเนื้อที่ไต โดยแพทย์ระบุว่าเป็นมะเร็งที่ไตระยะสุดท้าย ไม่มีทางรักษาให้หายได้ มีเพียงยาให้รับประทาน ประคับประคองอาการเท่านั้น พ่อรักษาตัวในโรงพยาบาลนานนับเดือน จึงกลับมาอยู่บ้าน และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง มาเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ข้างๆ ของคนเป็นพ่อก็มีแม่นอนอยู่ โดยแม่ถูกตัดนิ้วเท้าข้างซ้าย ขาขวาบวม เพิ่มผ่านการผ่าตัดมา และเป็นกระดูกทับเส้น เดินไปไหนไม่ได้
นางบุญยืน กล่าวว่า เนื่องตนเองป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงมานาน และเป็นกระดูกทับเส้นประสาท ไม่มีเรี่ยวแรงมา 10 กว่าปี แต่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่แล้วเมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา จู่ๆร่างกายก็อ่อนแรง และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไปพบแพทย์ก็ทราบว่า เป็นผลข้างเคียงของโรคประจำตัว ล่าสุดเป็นแผลที่นิ้วชี้ของเท้าข้างซ้าย แต่รักษาไม่หาย เพราะเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน แพทย์จึงตัดนิ้วเท้าออก

พ่อและแม่ กล่าวอีกว่า นอนข้างๆกันต่างก็ให้กำลังใจกันและกัน และหวังว่า จะมีคนยื่นมือมาช่วยน้องต่อ เพราะสิ่งที่เป็นห่วงคือหนี้สินของพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ตายไป น้องต่อก็ต้องรับผิดชอบแทน ทั้งหนี้ของธนาคาร ธกส.จำนวนแสนกว่าบาท หนี้กองทุนหมู่บ้าน 70,000 บาท หนี้กองทุนเงินล้าน 50,000 บาท หนี้กองทุนประชารัฐ 50,000 บาท หนี้สหกรณ์โนนศิลา 60,000บาท รวมแล้วกว่าสามแสนบาท และห่วงเรื่องการเรียนของน้องต่อ อยากให้น้องต่อเรียนในระดับสูงๆ อยากให้น้องต่อเป็นหมอตามที่ตั้งใจไว้ แต่พ่อกับแม่ใกล้ตายลงทุกๆ วัน กลัวน้องต่อไม่มีเงินเรียน ไม่มีเงินใช้หนี้

ขณะที่ น้องต่อ เปิดเผยว่า พ่อกับแม่เป็นชาวนา รับจ้างทั่วไป มีพี่น้อง 3 คน พี่ชายคนโตพึ่งพาไม่ได้และไม่เคยอยู่บ้าน ที่ผ่านมาพี่สาวที่เพิ่งเสียชีวิต ทำงานเป็นลูกจ้างในร้านขายรองเท้า เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด แต่ด้วยกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ ทำให้พี่สาวป่วยเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุ 15 ปี แต่พี่สาวก็ไปพบแพทย์รับยามากิน รักษาตัวเองดีมาโดยตลอด กระทั่งช่วงอายุ 24-25 ปี เป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ ป่วยหนัก พี่สาวสุขภาพพี่สาวก็เริ่มแย่ เมื่อไปพบแพทย์ก็พบว่าพี่สาวไตวายแล้ว ต้องรักษาด้วยการฟอกไต ครอบครัวไม่มีเงินพอที่จะช่วยพี่สาว
กระทั่งกลางปีที่ผ่านมา ครอบครัวเกิดการวิกฤติหนัก แม่ล้มป่วย พ่อก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย พี่สาวไม่ได้ไปรับยามากิน ไม่ได้ฟอกไต เพราะต้องดูแลพอแม่ ทำให้ร่างกายพี่สาวทรุดหนักจึงพาพี่สาวส่ง โรงพยาบาลและมีการส่งต่อไปยัง รพ.ต่างๆ ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าพี่สาวจะต้องฟอกไต แม้จะไม่ให้ขาดแต่ก็จะช่วยให้พี่สาว มีอายุอยู่ได้อีกหลายปี แต่ต้องใช้เงินประมาณ 80,000 บาท แต่ในบัญชีมีเงินที่รับบริจาคมามีเพียง 30,000บาท ไม่ถึง 80,000 บาท จึงไม่สามารถช่วยพี่สาวได้ ในที่สุดพี่สาวก็เสียชีวิตด้วยอาการไตวายที่โรงยาบาลเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 11 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีฌาปณกิจศพพี่สาว ที่วัดสว่างโนนแดง วัดประจำหมู่บ้าน ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้

น้องต่อ กล่าวอีกว่า ช่วง 1-2 ปีนี้ ลาโรงเรียนบ่อย เพราะต้องดูแลพ่อแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ล่าสุดพี่สาวตาย ก็ลาโรงเรียนอีกครั้งเพื่อจัดงานศพให้พี่สาว แต่ก็ยังดีที่ว่า ตลอดระยะเวลาที่ครอบครัวตกอยู่ในสภาพแย่ ป่วยทั้งบ้าน ยังมีป้าคาน ทีเป็นพี่สาวของพ่อ มาคอยดูแลพ่อแม่ที่บ้านให้ เพราะตัวเองก็ต้องหาเวลาไปเรียนหนังสือ เพราะตั้งใจจะเรียนเป็นหมอให้ได้
“ที่ผ่านมาแพทย์ก็เตือนตัวผมว่า เป็นผู้ที่เสี่ยงในการที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวาน เช่นเดียวกับพ่อแม่ และพี่สาว แพทย์แนะนำให้ตรวจร่างกายทุกๆ 6 เดือน โดยก็ทำตามแพทย์แนะนำมาตลอด โดยตรวจร่างกายมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่พบ ซึ่งก็ตั้งใจว่า จะต้องเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เรียนเป็นหมอตามที่ตั้งใจ และตามที่พ่อแม่หวังเอาไว้ให้ได้” ลูกชายคนสุดท้องของบ้าน กล่าว
ทั้งนี้หากผู้มีจิตศรัทธา ต้องการช่วยเหลือน้องต่อ สามารถบริจาคเงินช่วยน้องและครอบครัวได้ที่หมายเลขบัญชี นายวัชรพงษ์ ดวงเกวียน 020095977342 ธนาคารออมสิน สาขาบ้านไผ่ และบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆโดยประสานงานกับน้องต่อโดยตรงที่หมายเลข 063-817-0121.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0